
อย่างที่เราทราบกันดีว่าพระเทวทัตนั้นเป็นคู่เวรกรรมกับพระพุทธเจ้ามาทุกชาติทุกภพ แต่ทว่ากาลสุดท้ายพระเทวทัตนั้นถูกธรณีสูบจนกลายเป็นที่มาของคำว่า “ตกนรกขุมใต้เถรเทวทัต” แต่ทว่าในหนังสือ “มิลินทปัญหา” หัวข้อ “ปฐมวรรค” เรื่อง “เทวทัตตปัพชิตปัญหา ที่ ๓” นั้นได้กล่าวไว้ว่า
“..................เมื่อแผ่นดินมาสูบเอาไปนั้น พระเทวทัตยกหัตถ์สองตั้งเหนือศิโรตม์ ร้องถวายชีวิตด้วยพระคาถาฉะนี้ ดูรานะบพิตรพระราชสมภาร ในภัทรกัปนี้แบ่งเป็นส่วนแผ่นดินให้เท่ากัน ปันออกได้ ๑ ส่วน โดยนานช้ากว่าพระเทวทัตจะไปอยู่ในอวิจีมหานรกนั้น “ปญโกฏฐาเส” ในส่วนกัลป์ทั้งห้าส่วนนั้น ครั้นพระเทวทัตจุติจากอวิจีมหานรกมา จะได้ตรัสเป็นพระปัจเจกโพธิ ทรงนามว่า อัฏฐสสรปัจเจกโพธิ โปรดเวไนยสัตว์ทั้งปวง แล้วจะเข้าสู่มหานิพพานในกาลนั้น....”
จึงนับได้ว่าหนังสือ “มิลินทปัญหา”เป็นหนังสือที่สามารถตอบข้อธรรมะทางพระพุทธศาสนาได้เป็นอย่างดี และที่สำคัญไม่ค่อยมีบาลีให้รุงรังเวลาอ่าน ลองหามาอ่านดูสิครับ
“..................เมื่อแผ่นดินมาสูบเอาไปนั้น พระเทวทัตยกหัตถ์สองตั้งเหนือศิโรตม์ ร้องถวายชีวิตด้วยพระคาถาฉะนี้ ดูรานะบพิตรพระราชสมภาร ในภัทรกัปนี้แบ่งเป็นส่วนแผ่นดินให้เท่ากัน ปันออกได้ ๑ ส่วน โดยนานช้ากว่าพระเทวทัตจะไปอยู่ในอวิจีมหานรกนั้น “ปญโกฏฐาเส” ในส่วนกัลป์ทั้งห้าส่วนนั้น ครั้นพระเทวทัตจุติจากอวิจีมหานรกมา จะได้ตรัสเป็นพระปัจเจกโพธิ ทรงนามว่า อัฏฐสสรปัจเจกโพธิ โปรดเวไนยสัตว์ทั้งปวง แล้วจะเข้าสู่มหานิพพานในกาลนั้น....”
จึงนับได้ว่าหนังสือ “มิลินทปัญหา”เป็นหนังสือที่สามารถตอบข้อธรรมะทางพระพุทธศาสนาได้เป็นอย่างดี และที่สำคัญไม่ค่อยมีบาลีให้รุงรังเวลาอ่าน ลองหามาอ่านดูสิครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น