ค้นหารายละเอียดเพิ่มเติม...ที่นี่

Custom Search

วันอังคารที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2551

เรื่องสั้นเตือนภัยสังคม : เมื่อพลั้งคิดผิดแล้วจะโทษใคร




เคนชิโร่ : สวัสดีครับ
วินดี้ : สวัสดีค่ะ ชื่ออะไรคะ
เคนชิโร่ : ตั๊กครับ คุณชื่ออะไรครับ
วินดี้ : วินค่ะ
๓๐ นาทีต่อมา
เคนชิโร่ : มีรูปไหมครับ
วินดี้ : มีค่ะ แล้วตั๊กล่ะคะ
วินใจเต้นระทึกในขณะที่คอมพิวเตอร์โหลดภาพของชายคนหนึ่งซึ่งเธอใช้เวลาคิดคำหวานๆป้อนส่งไปยังฝ่ายตรงข้าม
“ว้าย.....กรี๊ด......น่ารักมากเลยเอื้อย เธอมาดูสิยะ” สายตาทุกคู่ในห้องคอมพิวเตอร์หันมามองที่นิสิตสาวเจ้าของเสียงแหลมเล็กนั่น
“อ้อ....เด็กปีหนึ่งเพิ่งหัดเล่นเอ็มน่ะหล่อน แรกๆก็กรี๊ดแบบนี้แหละย่ะ” เสียงจีบปากจีบคอจากนิสิตชายผู้มีจริตจะก้านคนหนึ่งพูดกับเพื่อนสาวข้างๆที่กำลังพยักหน้ารับและมองไปที่เจ้าของเสียงกรี๊ด
วินมีท่าทีตื่นเต้นมากเพราะภาพที่ปรากฏบนหน้าจอคอมพิวเตอร์คือภาพของชายหนุ่มคนหนึ่งที่หล่อครบสูตรสำเร็จของวัยทีนปี ๒๐๐๘ เอื้อยซึ่งวินเรียกเมื่อสักครู่ก็มีท่าทีกระดี๊กระด๊าเหมือนกัน แต่คงไม่เท่าวินซึ่งขณะนี้ใจลอยไปถึงเจ้าของรูปแล้ว และกำลังคิดอยู่ว่าทำอย่างไรจึงจะสานสัมพันธ์กับคนในรูปให้มากกว่านี้
เคนชิโร่ : อยากรู้จักพี่มากกว่านี้จังเลยค่ะ ๐๘๑-๗++++++ ค่ะ
วินดี้ : เบอร์พี่ ๐๘๑-๖++++++ ครับ เม็มไว้ด้วยนะครับคืนนี้สามทุ่มพี่จะโทร.ไปหา
เคนชิโร่ : วินจะรอนะคะ
วินดี้ : ครับ บายครับ
วินดี้ : บายค่ะ
เสียงจากโทรศัพท์มือถือดังขึ้นตรงตามเวลาที่ได้นัดหมายไว้ วินรีบคว้ามันด้วยอาการกระวีกระวาด
“สวัสดีครับ น้องวินใช่ไหมครับ”
“เสียงทุ้มของพี่ตั๊กที่กระทบโสตประสาทแทบจะทำให้วินปล่อยโทรศัพท์มือถือลง แต่ฉุกคิดขึ้นมาได้จึงรีบตอบกลับไป
“ค่ะ วินพูดเองค่ะ พี่ตั๊ก”
“น้องวินเรียนที่ไหนครับ พี่เรียนนิเทศ มหาลัย+++++ครับ”
“ว้าว....เรียนมหาลัยหรูเสียด้วย”วินนึกในใจ สมองของเธอกำลังคิดแผนมัดใจชายหนุ่มทางเน็ทให้อยู่หมัด ถ้อยคำหวานของเธอถูกส่งผ่านคลื่นความถี่ไปสู่ปลายทางเกือบสองชั่วโมง เมื่อความสนิทสนมเริ่มเข้าที่เข้าทาง เรื่องราวความเป็นส่วนตัวของทั้งสองก็ยิ่งเพิ่มความกระหายจะพบตัวซึ่งกันและกันมากขึ้น
“พรุ่งนี้พี่จะโทร.มาใหม่นะครับ วิน”
“ค่ะ ฝันดีนะคะ พี่ตั๊ก”
“เช่นกันครับ น้องวิน”
เสียงโทรศัพท์วางสายไปแล้ว แต่หัวใจของวินยังคงเต้นไม่เป็นส่ำอยู่ เธอกระวนกระวายอย่างเห็นได้ชัด เมื่อล้มตัวลงนอน เอ๊ะ...คืนนี้ทำไมมันร้อนวูบวาบแบบนี้นะ เสียงของพี่ตั๊กยังคงก้องอยู่ในหู ใบหน้ายังปรากฏในมโนภาพของวิน สายตาเธอมองออกไปนอกหน้าต่างไกลสุดทางช้างเผือก
“..............................”เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นด้วยริงโทนกำลังอินเทรนด์ตามเวลาที่ได้นัดหมายไว้ วินนอนคอยเสียงระฆังแห่งสรวงสวรรค์และรีบหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาราวกับกลัวว่าเสียงนั้นจะลาจากเธอไป
“สวัสดีค่ะ พี่ตั๊ก” วินพูดเสียงใส ในขณะที่เอื้อยเพื่อนร่วมห้องหันมามองด้วยความสนใจ เพราะเธอรู้ดีว่าวินเป็นนักเล่นเอ็มตัวยง สมัยอยู่ม.ปลาย ทุกคืนจะมีหนุ่มๆทางเอ็มโทร.ไปหาที่บ้านและเธอจะเอามาเล่าให้เพื่อนฟังเสมอในวันรุ่งขึ้น ตอนนี้วินและเอื้อยเอ็นทรานซ์ติดในมหาวิทยาลัยเดียวกัน คณะเดียวกัน และจะด้วยความบังเอิญหรือไม่ ทั้งสองพักอยู่ห้องเดียวกัน ณ หอพักนิสิตในมหาวิทยาลัย
“สวัสดีครับ น้องวิน” น้ำเสียงของชายแปลกหน้าที่ไม่เคยรู้จักมักจี่มาก่อน แต่ดูเหมือนวินจะให้ความสำคัญกับเขามาก เอื้อยสังเกตว่าคราวนี้วินให้ความสำคัญมากเป็นพิเศษเสียด้วย
“พี่รู้สึกว่าวินเป็นคนน่ารักมาก ตั้งแต่พี่เล่นเอ็มมา ส่วนมากพวกผู้หญิงมักจะโกหก ให้ข้อมูลก็แต่งเรื่องต่างๆของตัวเองเสียเลิศเลอ พี่เลยนัดเจอ แต่พอรู้จักกันไปพี่ก็รู้ว่าเราไปด้วยกันไม่ได้”
“แสดงว่าพี่ก็เจ้าชู้น่ะสิคะ แล้วพี่จะมาหลอกวินไหมนี่”
“พี่กลัววินจะหลอกพี่มากกว่าน่ะสิ คำว่าเจ้าชู้อย่าใช้กับพี่เลย พี่ต้องการคนรู้ใจมากกว่า แต่พี่ไม่รู้ว่าความต้องการของน้องคืออะไร”
วินเงียบไปครู่หนึ่ง จิตใต้สำนึกรู้สึกผิด ตั้งแต่เธอเริ่มเข้าวงการเอ็ม เธอก็เหมือนน้องใหม่ในวงการทั่วไป แรกๆก็พูดคุยกันประสาเด็กซื่อๆคนหนึ่ง เมื่อผ่านร้อนผ่านฝนสั่งสมประสบการณ์มากขึ้น เธอก็เริ่มเจนจัดมากขึ้นในการปั่นหัวฝ่ายตรงข้าม
“วินไม่หลอกอะไรพี่หรอกค่ะ วินเองก็ต้องการคนที่รู้ใจเหมือนกัน แต่วินไม่ช่ำชองเหมือนพี่ตั๊กหรอกค่ะ วินไม่กล้าพอที่จะนัดบอดใคร”
“วินคิดว่าพี่จะทำมิดีมิร้ายน้องหรือ”
“ไม่ใช่ค่ะ วินเป็นผู้หญิงก็ต้องระวังตัวไว้ก่อนสิคะ”
“ไม่เป็นไร วินวางใจในตัวพี่เมื่อไหร่แล้วเราค่อยพบกันก็ได้ พี่ไม่รบกวนวินแล้วนะ หลับฝันดีนะครับ”
“เช่นกันค่ะ”
เสียงโทรศัพท์วางสายไปแล้ว วินรู้สึกไม่สบายที่ทำให้พี่ตั๊กเคืองใจ คืนนั้นเธอนอนไม่หลับเลยทั้งคืน ตัวเลือกสองข้อระหว่างขาดการติดต่อ กับยอมไปพบพี่ตั๊กตามนัด ทำไมมันถึงยากแบบนี้
“เธอจะไปพบคนที่ไม่เคยรู้จักหน้าค่าตามาก่อนจริงหรือ วิน”เอื้อยพูดด้วยน้ำเสียงตกใจ
“เราคิดดีแล้ว เอื้อย เราฟังดูแล้วพี่เขาก็น่าจะเป็นคนดี ไม่มีพิษมีภัย ถ้าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นเราเอาตัวรอดได้น่า”
“คิดให้ดีก่อนนะวิน เราเป็นผู้หญิงถ้าเกิดอะไรขึ้นก็มีแต่เสียกับเสียนะ”
“อือ..............”
เครื่องปรับอากาศเย็นฉ่ำภายในห้างสรรพสินค้าให้ความรู้สึกสบายแก่ผู้มาใช้บริการ ตรงข้ามกับใจของหญิงสาวที่ร้อนผ่าวทั่วสรรพางศ์กาย ผู้คนเดินผ่านไปมานับร้อยพัน เสียงจอแจรอบตัว ไม่มีใครสังเกตเห็นอาการกระสับกระส่ายของวินเลย
“น้องวินใช่ไหมครับ”
“ค่ะ”วินหันไปทางต้นเสียง ชายหนุ่มเจ้าของความสูงร้อยแปดสิบเซ็นติเมตร ผิวขาว อายุประมาณยี่สิบสามปี หน้าตาหล่อเหลากว่าในรูปเสียอีก
นัดบอดครั้งแรกของวินเริ่มต้นไปได้ด้วยดี พี่ตั๊กเป็นคนอารมณ์ดี พูดคุยกันถูกคอ ทัศนคติหลายอย่างตรงกัน เขาเอาอกเอาใจเธอเป็นอย่างดี
“อาหารอร่อยไหมครับวิน”
“อร่อยมากค่ะ”
“เดี๋ยวเราไปดู...........................กันนะ พี่จองตั๋วหนังไว้แล้ว วินต้องชอบแน่เลย”
“ค่ะ”
ในขณะที่ภาพยนตร์ดำเนินเรื่องไป จิตใจของวินก็ฟุ้งซ่านไปกับการเริ่มต้นคบหากับชายหนุ่มที่เธอไม่เคยรู้จักมาก่อน ภาพยนตร์จบไปแล้วแต่เธอยังคงนั่งนิ่งจนตั๊กสะกิดเธอเบาๆ
“วิน..หนังจบแล้วครับ”
“ค่ะพี่”
ตั๊กจับมือวินไว้แน่นในขณะที่เดินออกจากโรงภาพยนตร์
“ไปทานไอติมกันต่อนะครับ วิน”
“วินกลัวรถตู้หมดค่ะ หอพักปิดตอนสามทุ่มค่ะพี่”วินตอบด้วยน้ำเสียงกังวล
“แท็กซี่ก็มีไม่ใช่หรือครับ ถึงก่อนสามทุ่มแน่”
วินลังเลก่อนที่จะตัดสินใจเดินเข้าไปในร้านไอศกรีมยี่ห้อดังที่วัยรุ่นนิยมไปทานกัน เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น
“วินขอตัวไปโทรศัพท์หาเพื่อนก่อนนะคะ”
“ครับ”
“วินเหรอ เราเอื้อยนะ นี่จะสองทุ่มแล้วทำไมเธอยังไม่กลับอีกล่ะ วันนี้หอปิดสามทุ่มนะ”
“เราทานไอติมกับพี่ตั๊กอยู่ ทานเสร็จแล้วจะรีบกลับนะเอื้อย”
“อย่ากลับดึกล่ะ ระวังตัวด้วยนะเดินเข้ามาที่หอมืดๆค่ำๆน่ะ”
“ขอบใจจ้ะ เดี๋ยวพบกันที่หอนะ”
ทั้งสองทานไอศกรีมจนเวลาประมาณทุ่มสี่สิบห้า ทั้งสองเดินออกจากร้าน วินหันมามองหน้าตั๊กเพื่อจะกล่าวคำอำลา แต่ทว่าหน้าของพี่ตั๊กกลับค่อยๆเลือนรางลงเรื่อยๆ ทุกสิ่งทุกอย่างดับวูบลง
“เฮ้ย....มึงกูเสร็จแล้ว เข้ามาต่อเลยว่ะ”
วินได้ยินทุกเสียง เสียงนั้นเธอจำได้ดีว่าเป็นเสียงของเทพบุตรเมื่อตอนกลางวันของเธอ ทว่าตอนนี้เขากลับเป็นสัตว์ร้ายที่ตรงรี่เข้าขย้ำเธอ เสียงลมหายใจหอบกระหายดังก้องหูเธอ แต่เธอไม่สามารถที่จะลุกขึ้นมาปกป้องตัวเองให้รอดพ้นจากสัตว์ร้ายฝูงนี้ที่ฉีกขยี้ร่างของเธอ สูบความสาวของเธออย่างตะกละตะกลาม เมื่อตัวที่หนึ่งอิ่มหนำสำราญไปแล้ว ตัวที่สองก็ถาโถมเข้ามา แล้วก็จากไป....ตัวที่สาม...ตัวที่สี่...ตัวที่ห้า....
ร่างกายของหญิงสาวถูกฝูงสัตว์ร้ายบดขยี้จนหนำใจ เธอไม่มีโอกาสร้องขอชีวิตจากพวกมัน ดวงตาของเธอยังคงปิดสนิท หยาดน้ำตาของความเจ็บปวด ความสูญเสียเอ่อล้นออกมา
“คิดให้ดีก่อนนะวิน เราเป็นผู้หญิงถ้าเกิดอะไรขึ้นก็มีแต่เสียกับเสียนะ” เสียงของเอื้อดังขึ้นมาอีกครั้งในโสตประสาทของวิน
หยาดน้ำตาของความเจ็บปวด ความสูญเสียไม่มีทีท่าว่าจะหยุดไหลลงง่ายๆแม้ว่าฝูงสัตว์ร้ายจะละจากร่างเปลือยเปล่าของเธอไปแล้ว
“โอ้ว่าน่าเสียดายตัวนัก เพราะเชื่อลิ้นหลงรักจึงช้ำจิต
จะออกชื่อลือชั่วไปทั่วทิศ เมื่อพลั้งคิดผิดแล้วจะโทษใคร”
ศูนย์คอมพิวเตอร์ของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง
เคนชิโร่ : สวัสดีครับ
ทราย : สวัสดีค่ะ ชื่ออะไรคะ
เคนชิโร่ : ตั๊กครับ คุณชื่ออะไรครับ
ทราย : ทรายค่ะ



เรื่องสั้นเรื่องนี้ดัดแปลงจากเรื่องสั้นชนะเลิศการประกวดของข้าพเจ้าเมื่อปี ๒๕๔๕ ในสมัยที่การเล่นเพิร์ชเป็นที่นิยม เมื่อนำกลับมาปรับฝุ่นใหม่จึงต้องมีการดัดแปลงให้ร่วมสมัย หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับดอกไม้และก้อนอิฐจากท่านผู้อ่านทุกท่าน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น