
อย่างไรก็ตาม ผู้หญิงไทยในท้องถิ่นชนบท ก็ไม่ถนัดที่จะใส่เสื้อชั้นใน โดยเด็กผู้หญิงจะเกล้าจุก ใส่เสื้อคอกระเช้า แต่ข้างในจะไม่ใส่อะไร พอเริ่มแตกเนื้อสาวจึงใช้แถบผ้า คล้ายริบบิ้นสอดรอบคอเสื้อ และรูดให้เสื้อพองย่นออกด้านหน้า ป้องกันไม่ให้เห็นหน้าอกชัดเจน
อาจารย์เผ่าทอง บอกว่า สำหรับการคาดผ้าแถบของผู้แสดงที่พบเห็นกันทั่วไปในละครโทรทัศน์นั้น เป็นการคาดผ้าที่ไม่ถูกต้องนัก เพราะหากคาดผ้าแถบได้อย่างถูกต้องแล้ว ตัวผ้าแถบจะเป็นได้ทั้งเสื้อยกทรงและเสื้อตัวนอกในตัวเอง
การห่มผ้าแถบที่ถูกต้องจะต้องมีลักษณะที่ช่วยประคองหน้าอกหรือหิ้วนมไว้ ไม่ใช่พันรัดรอบอก และกดทับนม แบบที่ทำกันอยู่ในทีวี ซึ่งจะทำให้หน้าอกแบนแต๊ดแต๋ อาจารย์เผ่าทอง บอก
อย่างไรก็ตาม ไทยเราก็มีเครื่องแต่งกายที่คล้ายยกทรงในอดีต แต่ใช้เฉพาะในการแสดงละครรำ โดยทำมาจากกะลามะพร้าวขัดมันลงรักปิดทองประดับกระจก ส่วนด้านในเย็บนวมกรุไว้ เวลาสวมใส่จะคล้ายบีกินี่ ที่ผูกรวบไว้กลางหลัง ไม่ได้ผูกบนบ่า ซึ่งเครื่องแต่งกายดังกล่าวเรียกว่า 'กล่องนม'
นอกจากนี้ เมื่อมีการสอบถามถึงความเปลี่ยนแปลงในแบบแผนการแต่งกาย หลังจากที่สาวไทยหันมาใส่ยกทรงกันทั่วหน้า อาจารย์เผ่าทอง ได้สรุปในเชิงชื่นชมว่า ยกทรงช่วยจัดรูปหน้าอกให้ชิด กระชับสวยงาม เพราะโบราณจะชมผู้หญิงว่า นมสวยต้องมีร่องอกที่ทัดดอกจำปาได้ไม่ร่วง ดังนั้น ยกทรงจึงช่วยให้หญิงไทยเข้าใกล้ความงามในอุดมคติมากขึ้น
แต่ก่อนเคยใช้ แซ่แต้ จำได้ว่าพอพี่สาวจบชั้นประถมไปต่อมัทธยมทาง รร.ให้เปลี่ยนนามสกุลบอกว่ากลัวมีปัญหาเวลาจบและสมัครงานพอตอนนี้ยังงเลยคะว่าทำไมเพื่อนพี่บางคนยังใช้ แซ่ตั้งได้เลย
ตอบลบแต่ก่อนเคยใช้ แซ่แต้ จำได้ว่าพอพี่สาวจบชั้นประถมไปต่อมัทธยมทาง รร.ให้เปลี่ยนนามสกุลบอกว่ากลัวมีปัญหาเวลาจบและสมัครงานพอตอนนี้ยังงเลยคะว่าทำไมเพื่อนพี่บางคนยังใช้ แซ่ตั้งได้เลย
ตอบลบ