พระสมุดพุทธทำนายแลวิธีอุประเทศพระกรรมฐาน วันจันทร์ ขึ้น ๑ ค่ำ เดือน ๑๒ จุลศักราช ๑๑๓๗ ปีมะแม สัปตศก ข้าพระพุทธเจ้านายทองคำ อาลักษณ์ชุบ พระราชาคณะทานแล้ว
พระมหากษัตริย์เจ้า ธรรมิกราชาธิราชองค์หน่อพุทธางกูรสร้าง สมภารจะได้ตรัสเป็นพระพุทธเจ้าองค์หนึ่ง(ข้อความลบเลือน)
ตรัสแก่พระธรรมและทรงพระไตรปิฎกธรรมในพระราชสมบัติอันประเสริฐแท้จริงแล พระธรรมพระพุทธเจ้าดวงนี้ เป็นลับแลแก่โลกทั้งหลาย พระธรรมพระพุทธเจ้าอยู่ท่ามกลางจิตที่สุดแห่งจิตที่ลมอัสสาสะ ปัสสาสะจะขาดต่อกันนั้นแล
ที่ชุมนุมพระธรรมทั้งปวงนั้นตรงช่อง....ชาติอุณาโลม ที่หว่างคิ้วที่สุดสายตาทั้งสองร่วมกันแลเป็นที่หลับแห่งนั้นแล ถ้าแลจะให้เห็นองค์พระธรรมพระพุทธเจ้าไซร้ให้หลับตาจงมิด จึงให้เอาตาทิพย์ทั้งสองเล็งดูพระธรรมพระพุทธเจ้า ตรงช่องแก้วชาติอุณาโลมลงมานิ่งอยู่ก็จะเห็นพระธรรมพระพุทธเจ้าในที่นั้นแล
จึ่งให้จำเริญปัสสาสะขึ้นเบื้องซ้าย แล้วให้จำเริญอัสสาสะลงเบื้องขวา ให้ค่อยระบายลมนั้นออกมาให้เบาให้ละเอียดออกมา จงชำนิชำนาญจึงให้เอาตาทิพย์ทั้งสองเล็งดู ดวงพระธรรมพระพุทธเจ้าจะขึ้นเบื้องซ้าย จะขึ้นเบื้องขวาเป็นอนุโลมปฏิโลมเบื้องบนลมอัสสาสะ ปัสสาสะนั้นแล
จึ่งพิจารณาให้เห็นพระธรรมด้วยตาทิพย์ทั้งสองและรู้ด้วยพระปัญญาจงมั่นว่าพระธรรมพระพุทธเจ้าอันเกิดขึ้นมาตรงช่องแก้วชาติอุณาโลม
(อักษรเลอะเลือน)พระธรรมพระพุทธเจ้าเที่ยงแท้แล ครั้นเห็นพระธรรมพระพุทธเจ้าแจ้งแก่พระปัญญาแล้วไซร้ จึ่งรู้ว่าพระธรรมพระพุทธเจ้าเกิดในใยมณฑลธรรมพระองค์แล้วแท้จริงแล
แลเอาบทพระไตรปิฎกธรรมหยั่งพระปัญญาลงไปตามแถวธรรมอันเกิดในใยมณฑลธรรมนี้จงทุกปะการแล
ถ้าแลเจริญอัสสาสะเข้าไปแล้วและให้เจริญอัสสาสะออกมานั้นธรรมเกิดแต่จะช้า จึ่งให้เจริญปัสสาสะขึ้นซ้ายแลให้เจริญอัสสาสะลงขวาดูจักกล่าวไว้นี้ พระธรรมพระพุทธเจ้าพลันเกิดแลย่อมจักได้ธรรมทั้งสองประการนี้แล
ให้ตรึกพระธรรมสามบทนี้ คือเอาอารมณ์ผูกในธรรมนี้ให้มั่น เหตุค้ำชูต่อพระธรรมให้มีกำลังจงนักว่าพระธรรมดวงนี้เป็นที่สุดแห่งขันธ์โลกนี้แล พระธรรมสามบทนี้เป็นที่นำเข้ามาสู่แห่งพระธรรมทั้งเจ็ดพระคัมภีร์แล จึงตรึกพระธรรมสามบทนี้ว่า พระธรรมดวงนี้เป็นกิจแห่งพระขีณาสพเจ้าย่อมเจริญทุกพระองค์ว่ากิจนี้กูเจริญเป็นสัจจะแก่กู ได้พระสัจจะอันเป็นสำหรับหน่อพุทธางกูร ย่งกว่าสัจจะทั้งปวงในโลกนี้แลพระสัจจะนี้จะมีแก่ลูก
พระตถาคตองค์ใดเป็นอันน้อยนักแล พระธรรมสามบทนี้สุขุมนักเป็นที่ชุมนุมเข้ามาแห่งพระธรรมทั้งแปดหมื่นสี่พันขันธ์ แลโพธิปักขียธรรมทั้งปวงแล ครั้นหน่อพุทธางกูรเจ้าได้พระธรรม พระพุทธเจ้าดวงนี้มั่นแก่พระปัญญาแล้วไซร้ จึงเอาพระมหาอักษรบทนี้หยั่งลงสู่พระธรรมพระพุทธเจ้าดวงนี้ ครั้นพระธรรมขึ้นเบื้องซ้ายให้นึกว่า ตุ ครั้นพระธรรมขึ้นเบื้องขวาให้นึกขึ้นว่า (เป็นพระคาถาอะไรสักอย่าง)
ให้เจริญจงชำนิชำนาญ ให้พระมหาอักษรบทนี้อยู่ในดวงพระธรมอย่าคลาดจากธรรมนี้ไซร้ ได้บุญนั้นจะนับเป็นกัปเป็นกัลป์นั้นจะนับบ่มิได้เลย พระธรรมพระพุทธเจ้าดวงนี้แลพระมหาอักษรบทนี้ยิ่งกว่าบททั้งปวงในโลกนี้ และพระมหาอักษรสองบทนี้พระพุทธเจ้าได้ด้วยยากนักแล พระพุทธเจ้าสร้างสมภารยี่สิบอสงไขยยิ่งแสนกัลป์ เมื่อแรกขึ้นนั่งเหนือรัตนบัลลังก์ร่มพระมหาโพธินั้น ยังไปบ่มิได้ธรรมสองบทนี้ เมื่อมารพ่ายแพ้ไปแล้วจึงเจริญพระปฏิจจสุมุททธรรมเสร็จแล้ว จึงได้ตรัสแก่พระสัพพัญญุตัญญาณแลพระสัพพัญญุตัญญาณนี้แล
(จบข้อความจากต้นฉบับที่ น.ส.มาลี พร้อมฤกษ์ ถ่ายเอกสารมาจากหลวงตาเทิ้มแห่งวัดรัชฎาธิฐาน ถ.จรัลสนิทวงส์ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ ซึ่งผมได้คัดลอกมาจากหนังสือศิลปวัฒนธรรม ปีที่ ๖ ฉบับที่ ๙ กรกฎาคม ๒๕๒๘ ซึ่งนี่เป็นหลักฐานหนึ่งเกี่ยวกับกรณีความวุ่นวายในช่วงปลายรัชกาลสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี)
พระมหากษัตริย์เจ้า ธรรมิกราชาธิราชองค์หน่อพุทธางกูรสร้าง สมภารจะได้ตรัสเป็นพระพุทธเจ้าองค์หนึ่ง(ข้อความลบเลือน)
ตรัสแก่พระธรรมและทรงพระไตรปิฎกธรรมในพระราชสมบัติอันประเสริฐแท้จริงแล พระธรรมพระพุทธเจ้าดวงนี้ เป็นลับแลแก่โลกทั้งหลาย พระธรรมพระพุทธเจ้าอยู่ท่ามกลางจิตที่สุดแห่งจิตที่ลมอัสสาสะ ปัสสาสะจะขาดต่อกันนั้นแล
ที่ชุมนุมพระธรรมทั้งปวงนั้นตรงช่อง....ชาติอุณาโลม ที่หว่างคิ้วที่สุดสายตาทั้งสองร่วมกันแลเป็นที่หลับแห่งนั้นแล ถ้าแลจะให้เห็นองค์พระธรรมพระพุทธเจ้าไซร้ให้หลับตาจงมิด จึงให้เอาตาทิพย์ทั้งสองเล็งดูพระธรรมพระพุทธเจ้า ตรงช่องแก้วชาติอุณาโลมลงมานิ่งอยู่ก็จะเห็นพระธรรมพระพุทธเจ้าในที่นั้นแล
จึ่งให้จำเริญปัสสาสะขึ้นเบื้องซ้าย แล้วให้จำเริญอัสสาสะลงเบื้องขวา ให้ค่อยระบายลมนั้นออกมาให้เบาให้ละเอียดออกมา จงชำนิชำนาญจึงให้เอาตาทิพย์ทั้งสองเล็งดู ดวงพระธรรมพระพุทธเจ้าจะขึ้นเบื้องซ้าย จะขึ้นเบื้องขวาเป็นอนุโลมปฏิโลมเบื้องบนลมอัสสาสะ ปัสสาสะนั้นแล
จึ่งพิจารณาให้เห็นพระธรรมด้วยตาทิพย์ทั้งสองและรู้ด้วยพระปัญญาจงมั่นว่าพระธรรมพระพุทธเจ้าอันเกิดขึ้นมาตรงช่องแก้วชาติอุณาโลม
(อักษรเลอะเลือน)พระธรรมพระพุทธเจ้าเที่ยงแท้แล ครั้นเห็นพระธรรมพระพุทธเจ้าแจ้งแก่พระปัญญาแล้วไซร้ จึ่งรู้ว่าพระธรรมพระพุทธเจ้าเกิดในใยมณฑลธรรมพระองค์แล้วแท้จริงแล
แลเอาบทพระไตรปิฎกธรรมหยั่งพระปัญญาลงไปตามแถวธรรมอันเกิดในใยมณฑลธรรมนี้จงทุกปะการแล
ถ้าแลเจริญอัสสาสะเข้าไปแล้วและให้เจริญอัสสาสะออกมานั้นธรรมเกิดแต่จะช้า จึ่งให้เจริญปัสสาสะขึ้นซ้ายแลให้เจริญอัสสาสะลงขวาดูจักกล่าวไว้นี้ พระธรรมพระพุทธเจ้าพลันเกิดแลย่อมจักได้ธรรมทั้งสองประการนี้แล
ให้ตรึกพระธรรมสามบทนี้ คือเอาอารมณ์ผูกในธรรมนี้ให้มั่น เหตุค้ำชูต่อพระธรรมให้มีกำลังจงนักว่าพระธรรมดวงนี้เป็นที่สุดแห่งขันธ์โลกนี้แล พระธรรมสามบทนี้เป็นที่นำเข้ามาสู่แห่งพระธรรมทั้งเจ็ดพระคัมภีร์แล จึงตรึกพระธรรมสามบทนี้ว่า พระธรรมดวงนี้เป็นกิจแห่งพระขีณาสพเจ้าย่อมเจริญทุกพระองค์ว่ากิจนี้กูเจริญเป็นสัจจะแก่กู ได้พระสัจจะอันเป็นสำหรับหน่อพุทธางกูร ย่งกว่าสัจจะทั้งปวงในโลกนี้แลพระสัจจะนี้จะมีแก่ลูก
พระตถาคตองค์ใดเป็นอันน้อยนักแล พระธรรมสามบทนี้สุขุมนักเป็นที่ชุมนุมเข้ามาแห่งพระธรรมทั้งแปดหมื่นสี่พันขันธ์ แลโพธิปักขียธรรมทั้งปวงแล ครั้นหน่อพุทธางกูรเจ้าได้พระธรรม พระพุทธเจ้าดวงนี้มั่นแก่พระปัญญาแล้วไซร้ จึงเอาพระมหาอักษรบทนี้หยั่งลงสู่พระธรรมพระพุทธเจ้าดวงนี้ ครั้นพระธรรมขึ้นเบื้องซ้ายให้นึกว่า ตุ ครั้นพระธรรมขึ้นเบื้องขวาให้นึกขึ้นว่า (เป็นพระคาถาอะไรสักอย่าง)
ให้เจริญจงชำนิชำนาญ ให้พระมหาอักษรบทนี้อยู่ในดวงพระธรมอย่าคลาดจากธรรมนี้ไซร้ ได้บุญนั้นจะนับเป็นกัปเป็นกัลป์นั้นจะนับบ่มิได้เลย พระธรรมพระพุทธเจ้าดวงนี้แลพระมหาอักษรบทนี้ยิ่งกว่าบททั้งปวงในโลกนี้ และพระมหาอักษรสองบทนี้พระพุทธเจ้าได้ด้วยยากนักแล พระพุทธเจ้าสร้างสมภารยี่สิบอสงไขยยิ่งแสนกัลป์ เมื่อแรกขึ้นนั่งเหนือรัตนบัลลังก์ร่มพระมหาโพธินั้น ยังไปบ่มิได้ธรรมสองบทนี้ เมื่อมารพ่ายแพ้ไปแล้วจึงเจริญพระปฏิจจสุมุททธรรมเสร็จแล้ว จึงได้ตรัสแก่พระสัพพัญญุตัญญาณแลพระสัพพัญญุตัญญาณนี้แล
(จบข้อความจากต้นฉบับที่ น.ส.มาลี พร้อมฤกษ์ ถ่ายเอกสารมาจากหลวงตาเทิ้มแห่งวัดรัชฎาธิฐาน ถ.จรัลสนิทวงส์ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ ซึ่งผมได้คัดลอกมาจากหนังสือศิลปวัฒนธรรม ปีที่ ๖ ฉบับที่ ๙ กรกฎาคม ๒๕๒๘ ซึ่งนี่เป็นหลักฐานหนึ่งเกี่ยวกับกรณีความวุ่นวายในช่วงปลายรัชกาลสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น