ตอนเรียนชั้น ม.๑ จำได้ว่ามีบทเรียนภาษาไทยเรื่อง “หมุนไปตามลมปาก” จำเนื้อเรื่องได้คร่าวๆว่า มีพราหมณ์ผู้หนึ่งนำแพะแบกขึ้นหลังเพื่อนำไปบูชายัญเทพเจ้า บังเอิญพราหมณ์ผู้นั้นเดินผ่านกลุ่มนักเลงสุราซึ่งกำลังเสพน้ำเมากันอย่างสนุกสนาน กลุ่มนักเลงสุราเห็นแพะบนหลังพราหมณ์ก็มีอยากจะเอามากินแกล้มสุรา จึงวางอุบายให้แต่ละคนไปดักพราหมณ์ตลอดเส้นทางไปยังวิหารเทพเจ้าและเมื่อพราหมณ์ผู้นั้นเดินผ่านก็ให้แสร้งทำกิริยาเป็นหัวเราะเยาะพราหมณ์และกล่าวว่า
“นี่ท่านเป็นพราหมณ์ประสาอะไร เหตุไฉนจึงนำสุนัขแบกขึ้นหลังเล่า”
ครั้งแรกพราหมณ์เห็นว่าเป็นคนเมาจึงไม่ได้คิดอะไร แต่เมื่อผ่านคนเมาคนที่สอง คนที่สาม คนที่สี่ พราหมณ์นั้นก็มีอาการลังเล จนกระทั่งถึงคนเมาคนที่สิบพราหมณ์ก็นำแพะลงจากหลังแล้วก็ขับไล่ไปด้วยคิดว่าสัตว์ที่ตนแบกมาคือสุนัขจริงดังที่นักเลงสุราทัก กลุ่มนักเลงสุราจึงจับแพะนั้นมาทำเป็นกับแกล้มสมดังความปรารถนา
อิทธิพลของคำพูดนั้นสำคัญยิ่งนัก สามารถเปลี่ยนแพะให้กลายเป็นสุนัขได้ แล้วในโลกปัจจุบันทำไมจะกลับขาวเป็นดำหรือกลับดำเป็นขาวมันจะยากอะไร
“เสาศิลาห้าศอกตอกเป็นหลัก ถูกคนผลักทุกวันยังสั่นไหว” คำโบราณยังมีไว้เช่นนี้เลย นับประสาอะไรกับก้อนเนื้ออ่อนๆเท่ากำปั้นที่มันจะมั่นคงสักเพียงใด ขอให้คุณเข้มแข็งเข้าไว้ หากคิดว่าตัวเองทำในสิ่งที่ถูกต้องแล้วก็ทำไปเถิด อย่าได้ไปสนใจกับพวกปากหอยปากปูที่จ้องแต่จะประหัตประหารคนอื่นด้วยวาจา ตายไปก็ต้องไปตกบ่อโสโครก พออ้าปากทีหนึ่ง อุจจาระ ปัสสาวะและสิ่งโสโครกก็เข้าปากทีหนึ่ง หรือไม่เวลาพูดก็มีหนอนหลุดออกมาจากปาก ชอนไชช่องปากให้ได้รับทุกขเวทนา
จงสนใจสังคมแต่พอประมาณ อย่าให้สังคมมาเป็นตัวบงการชีวิตคุณมากเกินไปจนกลายเป็นหุ่นชักใยที่ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ด้วยตนเอง ไม่เช่นนั้นแล้ว คุณจะสูญเสียความเป็นตัวของตัวเอง
“นี่ท่านเป็นพราหมณ์ประสาอะไร เหตุไฉนจึงนำสุนัขแบกขึ้นหลังเล่า”
ครั้งแรกพราหมณ์เห็นว่าเป็นคนเมาจึงไม่ได้คิดอะไร แต่เมื่อผ่านคนเมาคนที่สอง คนที่สาม คนที่สี่ พราหมณ์นั้นก็มีอาการลังเล จนกระทั่งถึงคนเมาคนที่สิบพราหมณ์ก็นำแพะลงจากหลังแล้วก็ขับไล่ไปด้วยคิดว่าสัตว์ที่ตนแบกมาคือสุนัขจริงดังที่นักเลงสุราทัก กลุ่มนักเลงสุราจึงจับแพะนั้นมาทำเป็นกับแกล้มสมดังความปรารถนา
อิทธิพลของคำพูดนั้นสำคัญยิ่งนัก สามารถเปลี่ยนแพะให้กลายเป็นสุนัขได้ แล้วในโลกปัจจุบันทำไมจะกลับขาวเป็นดำหรือกลับดำเป็นขาวมันจะยากอะไร
“เสาศิลาห้าศอกตอกเป็นหลัก ถูกคนผลักทุกวันยังสั่นไหว” คำโบราณยังมีไว้เช่นนี้เลย นับประสาอะไรกับก้อนเนื้ออ่อนๆเท่ากำปั้นที่มันจะมั่นคงสักเพียงใด ขอให้คุณเข้มแข็งเข้าไว้ หากคิดว่าตัวเองทำในสิ่งที่ถูกต้องแล้วก็ทำไปเถิด อย่าได้ไปสนใจกับพวกปากหอยปากปูที่จ้องแต่จะประหัตประหารคนอื่นด้วยวาจา ตายไปก็ต้องไปตกบ่อโสโครก พออ้าปากทีหนึ่ง อุจจาระ ปัสสาวะและสิ่งโสโครกก็เข้าปากทีหนึ่ง หรือไม่เวลาพูดก็มีหนอนหลุดออกมาจากปาก ชอนไชช่องปากให้ได้รับทุกขเวทนา
จงสนใจสังคมแต่พอประมาณ อย่าให้สังคมมาเป็นตัวบงการชีวิตคุณมากเกินไปจนกลายเป็นหุ่นชักใยที่ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ด้วยตนเอง ไม่เช่นนั้นแล้ว คุณจะสูญเสียความเป็นตัวของตัวเอง
อ่านแล้ว คิดอะไรได้เยอะเลยค่ะ
ตอบลบ