ค้นหารายละเอียดเพิ่มเติม...ที่นี่

Custom Search

วันอาทิตย์ที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2551

สงครามกระดานดำ ตอน บัตรสนเท่ห์ว่อนเน็ต



“ไม่เสียทีที่เขามีวาสนา

แต่เห็นเห็นได้เป็นผ.อ.มา
เก่งเกินใครใดหนาในชาตินี้

ประกอบหมดยศศักดิ์แลทรัพย์สิน
ครูบากลัวสิ้นหัวขึ้นขี้

เมื่อชาติก่อนได้พรของหลวงชี
จึงมั่งมีดูอัศจรรย์ครัน

เขาชมบุญเรียกผ.อ.ระดับเก้า
แต่ร้ายราวเหมือนยักษ์มักกะสัน

ลงนั่งห้องประชุมเหมือนชาละวัน
โมโหตกมันเหมือนสิงห์ทอง

จะไปไหนตั้งโห่เสียสามหน
ตรวจพลอึกทึกกึกก้อง

แฟ้มเอกสารมากมายใส่พานรอง
สมุดโน้ตถือกล้องร่มคันยาว

นุ่งผ้าไหมใหม่วิไลเหลือ
สวมเสื้อสายสะพายขอบขริบขาว

ลงจากห้องกลางหางแถวยาว
ครูชมว่างามราวพราวแสงโพลง

ช่างหมดจดงดงามถึงสามอย่าง
จะไว้วางกิริยาก็อ่าโถง

แต่ใจแคบหวาดระแวงแฝงแววโกง
เมื่อเดินโคลงโยกย้ายหลายทำนอง

ถนนกว้างสี่วามาไม่ได้
กีดหัวไหล่ไกวแขนให้ขัดข้อง
พวกลูกน้องเห็นกลัวหนังหัวพอง
ยกสองมือกราบอกราบดิน
ด้วยอำนาจราชศักดิ์นั้นหนักหนา
ถ้าเข้าห้องเย็นสารภาพเป็นสัตย์สิ้น
มีสมุนชาญชัยใจทมิฬ
ดังจะกินเนื้อมนุษย์สุดพิภพ
"ครูต้อม" ว่าที่ไว้วางใจ
ทั้งนอกในสืบค้นได้เจนจบ
"ผู้ช่วยฯเกษม" พนักงาน การเลียลบ
"ป้าสมร" รับหลบค่าน้ำชา
ทั้งสามนายยอมตายในใต้เท้า
มิเสียทีมีบ่าวคราววาสนา
เคยเชื่อใจไว้วางต่างหูตา
รู้อัธยาอาศัยน้ำใจนาย
หยุดที่ห้องผ.อ.นั่งทูลฟ้อง
ดูทำนองกรุ้งกริ้งหยิ่งใจหาย
พวกชะเลียตามหมอบเที่ยวยอบกาย
กลัวกว่าพระยานายบ้านเมืองดี
หมอจีนดูไว้ในตำรา
ดวงชะตาขึ้นตุลย์ราศี
คงจะถึงระดับสิบในสองปี
ถ้าเต็มทีผิดคาดก็ครองเมือง
ข่าวนอกพูดกันขันเต็มที
ว่ากลางคืนรัศมีสีเนื้อเหลือง
ดูในเรือนเหมือนแสงแมงคาเรือง
คนลือเลื่องพูดมากปากวัดวา
ให้คลานศอกคลานเข่าแคล่วคล่อง
ถูกทำนองบ่าวไพร่ไว้ใช้หา
หน้าที่ของใครก็ใครมา
ได้ระเบียบสำราญอุราทั้งถ้อยคำ
เกิดเป็นตัวกูนี้มีวาสนา
เครื่องเสวยคาวหวานเกินกลืนกล้ำ

ประเคนยกภัตตาชี้แนะนำ
กินสำรับอิ่มหนำออกอื้ออึง
ฝ่ายประจบสอพลอประจ๋อนั่ง
ครั้นได้ฟังกลัวขลาดไม่อาจหึง
สรรเสริญเยินยอเสียน่าทึ่ง
แทบโดดผึงตัวลอยหรอกกระนั้น

พลิกขาวให้เป็นดำแสนแคล่วคล่อง
หากมีของถูกใจใคร่กระสัน

เรื่องก็เงียบเชียบไปในฉับพลัน
หากเป็นเรื่องคนอื่นนั้นแฉทั้งเมือง

ลำเอียงอยุติธรรมเป็นที่หนึ่ง
จาระไนให้ซาบซึ้งหลากหลายเรื่อง
เฮ้ยตำแหน่งขั้นเงินเดือนใครขาดเคือง
พวกเองเขื่องโกงเงินหลวงขนไป
คนดีดีแนะนำกันนั้นไม่เชื่อ
ครูเขาเบื่อเหลือระอาน่าสงสัย
เสียงสาปซ้องก้องภพลบฟ้าไกล
ไม่เข้าไปในจิตคิดหรือเอย”

หน้าจอคอมพิวเตอร์ห้องครูวิรุณเต็มไปด้วยบรรดาครูโรงเรียน “เฌอคู่วิทยา”มุงกันแทบจะล้นห้อง เนื่องจากเช้าวันนี้ที่บอร์ดประชาสัมพันธ์ซึ่งเป็นที่ที่ครูทุกคนต้องไปเซ็นชื่อลงเวลาปฏิบัติราชการนั้น ปรากฏกระดาษเอสี่แผ่นโตติดไว้เด่นชัดมากจนทุกคนสงสัย

“มุงอะไรกันเหรอคะ” ครูดาวที่วันนี้มาสายกว่าปกติถามครูกรรณิการ์ขึ้นเมื่อเห็นบรรดาครูยืนจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์กัน

“มาดูนี่สิดาว” ครูกรรณิการ์ดึงมือครูสาวห้องประชาสัมพันธ์เข้าไปในวงล้อมเธอจึงได้เห็นข้อความดังที่ท่านได้อ่านแล้วเมื่อสักครู่นี้

“นี่แค่คอมเมนท์เดียวนะ เห็นว่าในเว็บไซต์ของโรงเรียนมีมากกว่านี้อีก เห็นพวกครูๆทั้งหลายพากันไปที่ห้องคอมพิวเตอร์กันจนเต็มห้องแล้วมั้งป่านนี้” ครูหัวหน้างานวิชาการกล่าวก่อนจะไปเปิดประตูห้องวิชาการ

ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ห้องพักครูสายชั้น ป.๖ ครูคณิตศาสตร์สาวก็กำลังพิมพ์ชื่อเว็บไซต์ของโรงเรียนอย่างรีบร้อนโดยมีครูปุ๊และครูสุชาวดียืนอยู่เบื้องหลัง

“ไหนล่ะริสารีบคลิกเร็วๆสิ ที่คำว่าเว็บบอร์ดน่ะ” ครูปุ๊เร่งด้วยความอยากรู้อยากเห็น

“เดี๋ยวสิคะ พี่ปุ๊ รอโหลดแป๊บนึง” ครูริสาคลิกเมาท์ซ้ำอีกครั้ง

ภาพบนหน้าจอค่อยๆโหลดมาอย่างเชื่องช้าเนื่องจากตอนนี้คอมพิวเตอร์ทุกเครื่องในโรงเรียนต่างพากันเข้ามาอ่านกระทู้เด็ดประจำปีของ “เฌอคู่วิทยา”

“ท่านมีความคิดเห็นอย่างไรกับการบริหารโรงเรียนเฌอคู่วิทยา”

นี่คือชื่อหัวข้อกระทู้ที่ผ.อ.จิ๋มได้ให้ครูวิรุณทำแบบฟอร์มขึ้นเพื่อให้ครูเข้ามาแสดงความคิดเห็นเพื่อนำไปประกอบการทำผลงานผู้บริหารดีเด่น แต่ทว่าผลลัพธ์นั้นกลับกลายเป็นหอกที่มาทิ่มแทงตัวของผู้อำนวยการเองเสียนี่

สายตาของครูสาวทั้งสามคนค่อยๆไล่อ่านไปทีละบรรทัดๆ ยิ่งอ่านเนื้อหาในกระทู้ก็เริ่มดุเดือดขึ้นเหมือนกาต้มน้ำที่ส่งเสียงหวีดเตือนให้รีบยกลงจากเตาแต่ก็ไม่มีใครยกลงและกำลังจะระเบิดในไม่กี่วินาทีข้างหน้า

“แหม.....พี่อ่านแล้วสะใจจริงๆน้องแอ้” ครูมัทนาตบโต๊ะอย่างลิงโลด

“มันจะดีหรือคะพี่ ทำแบบนี้เดี๋ยวเค้าหาว่าพี่เป็นตัวการหรอก” ครูแอ้เตือนขณะที่เห็นครูพี่นาออกอาการในขณะที่กินข้าวคลุกกะปิในโรงอาหาร

“ก็ช่างมันปะไร มีใครในโรงเรียนนี้บ้างที่ไม่คิดเหมือนในเว็บไซต์ จะมีก็แต่พวกของมันน่ะแหละที่คอยประจบสอพลอ ปิดหูปิดตาจนมันคิดว่าตัวเองน่ะเลอเลิศเกินใครในโลกนี้แล้ว ทั้งๆที่ก็ไม่ได้วิเศษวิโสไปกว่าใครเขาหรอก” ครูมัทนาแกล้งพูดให้ครูอ้อยได้ยิน

“คนเค้าจะได้รู้กันซะทีว่าโฉมหน้าที่แท้จริงของผู้บริหารคนนี้เป็นอย่างไร สมน้ำหน้า ป่านนี้คงมีคนอ่านเป็นร้อยๆพันๆคนแล้วแหละ” ครูมัทนาหั่นชิ้นหมูหวานอย่างสบายอารมณ์ก่อนจะเคี้ยวอย่างพิถีพิถัน

“ต้อม เธอว่าใครเป็นคนทำเรื่องนี้ล่ะ” ป้าสมรคว้ามือครูต้อมเข้าไปคุยในห้องคหกรรมที่ว่างเปล่า

“หนูก็ไม่รู้เหมือนกันพี่ แต่ว่าก็มีไม่กี่คนที่กำลังมีปัญหากับผ.อ.อยู่นี่คะ” ครูต้อมพูดคล้ายเปิดประเด็นให้ครูสมรเกิดอาการอยากถามต่อ

“ใครล่ะ ต้อม บอกพี่มาซิ” ครูคหกรรมสาวแก่บีบมือครูต้อมอย่างแรงด้วยความลืมตัว

“โอ๊ย! พี่ ทำไมต้องบีบมือด้วย หนูบอกก็ได้ แต่ว่าปิดประตูก่อนดีกว่าไหมล่ะ” ครูต้อมพูดเมื่อเหลือบไปเห็นกลุ่มครูผู้ชาย ๔-๕ คนกำลังเดินผ่านหน้าห้องคหกรรมมา

“ตอนนี้ที่ ผ.อ.สงสัยอยู่ก็มีไม่กี่คน หนึ่ง ครูมัทนา เพราะว่าสองคนนี้เค้าไม่กินเส้นกันมาตั้งแต่ ผ.อ.ย้ายมาโรงเรียนนี้แล้ว สอง ผู้ช่วยฯเกษม ถึงแม้ว่าในเว็บไซต์จะมีชื่อของแกก็ตาม แต่ว่าตั้งแต่เรื่องข่าวฉาวของแกกับครูจุ๋ม ผ.อ.ก็พยายามจะเอาเรื่องนี้ไปฟ้องผู้ใหญ่บนเขตพื้นที่ฯอยู่ สามก็....”

เสียงประตูเปิดดังปัง จนครูทั้งสองหันมาด้วยความตระหนก ครูกุ๊กนั่นเอง

“ป้าสมรคะ ผ.อ.เชิญที่ห้องค่ะ”

บัตรสนเท่ห์ว่อนไปทั่วทั้งเน็ตยิ่งกว่าตอนคลิปฉาวเสียอีก แม้แต่ป้าพะยอมเจ้าของร้านข้าวแกงหน้าโรงเรียนก็ยังไม่วายถามครูสุชาวดีอีก

“นี่ครูคะ ฉันได้ข่าวว่า ผ.อ.จิ๋มถูกบัตรสนเท่ห์น่ะจริงหรือเปล่าคะ” ป้าพะยอมยื่นแก้วชาเย็นให้ก่อนจะกระซิบข้างหูครูฝ่ายวัดผลเบาๆ

“ไม่รู้สิป้า เรื่องนี้หนูพูดมากไม่ได้ ถ้าไงป้าไปถามคนอื่นดีกว่า” ครูสุชาวดีตอบเลี่ยงๆก่อนจะหันไปทำทีว่าสนใจอ่านเรื่องย่อละครในหนังสือพิมพ์ แกจึงได้เดินกลับไป

เสียงนักเรียนร้องเพลงชาติและทำกิจกรรมหน้าเสาธงในตอนเช้าของวันต่อมาดังจนกลบเสียงการวิพากษ์วิจารณ์ของบรรดาครูประจำชั้นที่ยืนดูความเรียบร้อยของนักเรียนห้องตัวเอง ครูแต้วกำลังจัดการนักเรียนที่หยอกล้อกันในแถวอยู่ แต่อีกมุมหนึ่งครูกิ่งแก้วและครูปุ๊กำลังคุยกันอยู่ใต้ต้นอโศก

“เมื่อเช้าพี่นั่งทานอาหารเช้ากับผ.อ.ท่านเปรยๆกับพี่หลายๆเรื่องอยู่ และก็ไม่พ้นเรื่องนี้นั่นแหละ รู้ไหมว่าท่านสงสัยใคร” ครูแนะแนวประจำ “เฌอคู่วิทยา”หันมาคุยกับหัวหน้าสายชั้น ป.๖

“ก็ครูพชรไงล่ะ เพราะสำนวนกลอนแบบนี้ไม่มีใครหรอก” ครูปุ๊แกล้งทำเป็นสงสัยก่อนที่จะถามมูลเหตุของเรื่อง

“ผ.อ.แกไม่บอกพี่หรอกว่าเพราะอะไร แต่ว่าพี่รู้น่ะสิว่า ผ.อ.เคยเอาเรื่องของครูพชรไปฟ้องผ.อ.เขตพื้นที่ฯหลายครั้งแล้ว แต่ผ.อ.เขตพื้นที่ฯน่ะเค้าซี้กับครอบครัวของครูพชรเลยโทร.มาถาม ครูพชรจึงเล่าความจริงให้ฟัง เอ่อ....ครูพชรเคยมาปรึกษาพี่เรื่องนี้ครั้งนึงน่ะ”

ไม่ทันที่ครูกิ่งแก้วจะพูดต่อเสียงประกาศจากห้องประชาสัมพันธ์ก็ดังขึ้น

“ประกาศนะคะ วันนี้เวลา ๑๕.๓๐ น. ขอเชิญคุณครูทุกท่านประชุมพร้อมกันที่ห้องประชุมโรงเรียนค่ะ” แล้วก็ตามมาด้วยเสียงประกาศซ้ำเหมือนเช่นเคย

ตลอดทั้งวันทุกๆคนต่างพากันเดาเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่ชั่วโมงไปต่างๆนานาจนไม่เป็นอันสอนกันเลย หลายคนตั้งข้อสังเกตว่าสองสามวันที่ผ่านมาจะมีประกาศรายชื่อครูหลายคนถูกเรียกตัวเข้าไปในห้องเย็นอย่างต่อเนื่อง แต่ทุกคนที่เข้าไปก็ไม่ได้พูดอะไรออกมามากนักเพราะกลัวว่าคำพูดของตัวเองจะถูกนำไปเป็นข้อมูลในการสืบหามือมืดที่ลงในเว็บไซต์

ตัวของผ.อ.จิ๋มเองก็ไม่มีใครเข้าหน้าติดไม่เว้นแม้แต่บริวารตัวเอง เพราะความหวาดระแวงและครุ่นคิดอย่างหนัก จะมีก็แต่ลูกแมวสองสามตัวที่ยังกล้าเข้าไปเคล้าแข้งเคล้าขาเช่นเดิม

เสียงเครื่องปรับอากาศครางกระหึ่มส่งอายความเย็นยะเยือกเข้ามาอย่างต่อเนื่อง แต่ตอนที่หนาวที่สุดจนอาจจะถึงจุดเยือกแข็งกำลังจะเริ่มขึ้นเมื่อ ผ.อ.จิ๋มเริ่มหยิบไมโครโฟนขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย

“ก่อนอื่นดิฉันก็ต้องขอสวัสดีเพื่อนๆครูทุกคนที่มาประชุมอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาในวันนี้ มีครูหลายคนบอกว่าดิฉันไม่กล้าที่จะประชุมโรงเรียนเพราะกลัวว่าครูจะซักฟอก แต่ดิฉันขอบอกนะคะว่าดิฉันไม่กลัว” น้ำเสียงแหลมเล็กส่งผ่านเข้าไปในโสตประสาทแต่ไม่มีใครแม้แต่จะหายใจแรงๆ

“ดิฉันบริหารงานมาอย่างโปร่งใสโดยตลอด หลักฐานทั้งหมดสามารถพิสูจน์ได้ขอดูได้ที่ครูกุ๊ก เรื่องการทำงานของทุกคนนั้นดิฉันถือว่า ครูทุกคนถ้าทำงานดีมีประสิทธิภาพเมื่อมีผู้ปกครองมาฟ้องเรื่องเกี่ยวกับครูคนนั้นดิฉันก็ไม่คิดจะเรียกเขามาตำหนิ เพราะกลัวว่าเขาจะเสียใจไม่มีกำลังใจในการทำงาน”

พูดถึงตอนนี้ครูพชรหันไปพูดกับครูปุ๊เบาๆว่า “ไม่เรียกเค้ามาตำหนิ แต่เอาเรื่องของเค้าไปเล่าให้คนอื่นฟังน่ะสิ”

ท่านผู้อำนวยการค่อยๆขยับแว่นอีกครั้งหนึ่งก่อนจะระบายความนัยต่อ “เรื่องของการประเมินขั้นก็เช่นกัน ผ.อ.ไม่มีสิทธิ์ที่จะไปให้ขั้นกับใคร คะแนนก็มาจากทุกคนและมีคณะกรรมการกลั่นกรองอีกชั้นหนึ่ง หลักฐานต่างๆก็ยังมี คะแนนของทุกคนสามารถไปเรียกดูได้ แล้วการกระทำแบบที่ใช้อินเตอร์เน็ตประจานเรื่องภายในโรงเรียนก็ถือว่าเป็นการผิดวินัยร้ายแรง มีตัวอย่างมาแล้วจาก......” ผ.อ.จิ๋มค่อยๆเล่านิทานขึ้นมาเรื่องหนึ่งในทำนองเขียนเสือให้วัวกลัว

“ขู่ทั้งนั้น พูดแต่เอาดีเข้าตัว คิดว่าคนอื่นเค้าไม่รู้สันดานตัวเองหรือไง” ผู้ช่วยฯเกษมที่ปกติจะนั่งเป็นมือขวาของผ.อ.แต่วันนี้กลับมานั่งข้างๆครูสมจินต์พึมพำเบาๆ แต่ดันไปเข้าหูครูพชรซึ่งก็แอบอมยิ้มอยู่

“สมัยผ.อ.เป็นครูบรรจุใหม่ อายุราวๆยี่สิบต้นๆ ผ.อ.ก็ทำงานอย่างเต็มที่แต่ปรากฏว่าผ.อ.ไม่ได้สองขั้น เมื่อถึงเวลาประชุม เพื่อนๆก็เชียร์ให้ผ.อ.ยกมือขึ้นถาม ผ.อ.ก็ถามอาจารย์ใหญ่ในที่ประชุม รู้ไหมว่าผ.อ.โดนอะไร วันรุ่งขึ้นอาจารย์ใหญ่เรียกผ.อ.เข้าไปคุยชี้แจงต่างๆนานาและเอาใบคะแนนการประเมินให้ดู ผ.อ.เห็นคะแนนของตัวเองอยู่ในลำดับท้ายๆ รู้ไหมว่าสุดท้ายแล้ว ผ.อ.ทำยังไง” ทุกคนเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจในขณะที่ผ.อ.จิ๋มยกแก้วน้ำมะตูมขึ้นจิบก่อนจะพูดต่อ ทุกอย่างเงียบสนิทมีแต่เสียงหึ่งๆจากเครื่องปรับอากาศเท่านั้น

“ผ.อ.ก้มลงกราบแทบเท้าอาจารย์ใหญ่และสารภาพเลยว่า ที่ทำไปเพราะเพื่อนมันเชียร์ ถึงตอนนี้คนที่ไม่ได้สองขั้นจะให้ผ.อ.ก้มลงกราบก็ได้ ฉันทำได้ทั้งนั้นแหละ” ท่านผู้อำนวยการเน้นน้ำหนักเสียงในช่วงท้ายของประโยค

ครูมัทนาหันไปกระซิบกับครูแอ้อย่างขยะแขยงใจ “ตีบทแตกชิบหาย แม่นางเอกช่องเจ็ด” ก่อนจะหันไปทำทีว่าสนใจต่อ

“ดิฉันรู้ว่าหลายๆคนเรียกดิฉันว่า อี แต่ดิฉันไม่โกรธเพราะคำว่า อี เป็นคำโบราณสมัยพ่อขุนเป็นคำเรียกธรรมดาๆ บางคนยิ่งกว่านั้นเรียกดิฉันว่า หมา แต่ดิฉันก็ไม่โกรธอีกเพราะดิฉันรักหมา ตอนนี้ที่บ้านก็อยู่กับหมาสองสามตัว ที่โรงเรียนบางทียังไปนั่งคุยกับลูกแมวที่หน้าห้องประชาสัมพันธ์เลย” ผ.อ.จิ๋มยิ้มแสยะไปทางครูทั้งโรงเรียนที่นั่งจ้องมาที่แก

“ใครบอก ฉันเรียกแกว่าอีสัตว์นรกนั่นต่างหาก” ครูมัทนาขบเขี้ยวเคี้ยวฟันดังกรอดๆ

“ถูกหล่ะ ก็ไม่มีคนคบแล้วนี่ มันก็ต้องไปอยู่กับหมากับแมวน่ะแหละถูกต้องที่สุดแล้ว” ครูปุ๊เอนตัวมาสนทนากับครูพชรเบาๆก่อนจะหัวเราะนิดๆ

“มาถึงตอนนี้แล้วใครต้องการจะซักฟอกดิฉัน ดิฉันให้เวลาห้านาทีแล้วหลังจากนี้หวังว่าจะไม่มีครูคนไหนเอาเรื่องนี้ไปซุบซิบนินทากันอีก เพราะตอนนี้ดิฉันก็ต้องเคลียร์ความบริสุทธิ์ของตัวเองและทำรายงานส่งเขตพื้นที่ ถ้ามีใครจะซักฟอกดิฉันก็จะได้บันทึกเรื่องนำเสนอเบื้องบนต่อไป”
ผ.อ.จิ๋มค่อยๆดันขอบแว่นที่ห้อยลงมาขึ้นไปเหนือสันจมูก

“เล่นพูดดักไว้แบบนี้แล้วใครมันจะกล้าล่ะ จริงไหมคะพี่ริสา” ครูสุชาวดีพึมพำกับครูริสารที่นั่งแอบข้างเสาอยู่

“โคตรกล้าหาญเลย ฉลาดจริงๆนังนี่ ให้ตายสิ” ครูพชรส่ายหน้าด้วยความสังเวชใจ

“ห้านาทีผ่านไปแล้วนะคะ ดิฉันถือว่าดิฉันบริสุทธิ์แล้ว และหวังว่าเราคงจะเป็นเพื่อนร่วมงานที่ดีและอบอุ่นต่อไป เวลามีอะไรก็ตามให้มาปรึกษาผ.อ.ก่อน ไม่ใช่มีอะไรก็วิ่งขึ้นไปที่เขตพื้นที่ ดิฉันรู้ทั้งนั้นแหละค่ะ ว่ามีใครขึ้นไปร้องเรียนอะไรบ้าง ขอให้รักษาชื่อเสียงขององค์กรเราด้วย สำหรับวันนี้ก็ขอปิดการประชุมแต่เพียงเท่านี้ค่ะ ขอบคุณค่ะ” พูดยังไม่ทันจบประโยค ผ.อ.จิ๋มก็เดินตัวปลิวกลับไปที่ห้องทำงานโดยไม่สนใจใครเลย

ต้นสายปลายเหตุของเรื่องบัตรสนเท่ห์ว่อนเน็ตนี้ก็ไม่ใช่อะไรอื่นไกลก็คือ เรื่องขั้นอยุติธรรมที่ชื่อของครูที่ได้สองขั้นนั้นมีการเพิ่มชื่อครูบางคนที่เป็นบริวารของผ.อ.จิ๋มเข้าไปแล้วตัดชื่อของครูบางคนออกทั้งๆที่มีการเซ็นชื่อรับรองแล้ว โดยที่กรรมการการพิจารณาไม่รู้เรื่องเลย ไม่ใช่ใครอื่นไกลหรอกที่ทำก็ฝีมือของผ.อ.จิ๋ม ครูกุ๊กและครูต้อมช่วยกันจัดการนั่นเอง แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่สามารถสืบหาต้นตอของผู้ที่โพสท์ลงในเว็บไซต์ได้ เพราะเลขไอพีที่ไม่ซ้ำกันแถมเมื่อสืบไปแล้วก็อยู่คนละภูมิภาคกับโรงเรียน “เฌอคู่วิทยา”ทั้งสิ้นและจำนวนของคอมเมนท์นั้นก็มีเท่ากับจำนวนของครูในโรงเรียน “เฌอคู่วิทยา”นั่นเอง สรุปว่าจับมือใครดมไม่ได้

( ชื่อตัวละครและเรื่องราวนี้เป็นแต่เรื่องสมมติขึ้นมาทั้งสิ้น ไม่ได้มีเจตนาพาดพิงถึงผู้ใด หากได้ล่วงเกินแก่ใครก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ )

( โปรดติดตามตอนต่อไป )

1 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ21 กันยายน 2553 เวลา 06:35

    เห็นด้วยคร้าบบบบบบบบบบบบบบบบบ

    จาก เด็กบ้านนอกคอกไกลโพ้นนนนนนนนนนน

    มิขอกล่าวนาม 5555555+

    ตอบลบ