ค้นหารายละเอียดเพิ่มเติม...ที่นี่

Custom Search

วันพุธที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2551

สงครามกระดานดำ ตอน วิทยฐานะลวงโลก



ใบโพร่วงหล่นตามกระแสลมลงบนลานกว้างที่แสนร่มรื่น นักเรียนชายกลุ่มหนึ่งเล่นไล่จับอยู่กับลูกแมวสีตุ่นๆสองสามตัวที่ผ.อ.จิ๋มเก็บมาเลี้ยงและมอบหมายให้นายแคล้วภารโรงดูแล ส่วนนักเรียนหญิงก็นั่งเล่นตุ๊กตากระดาษกันอยู่ที่โต๊ะม้าหิน เสียงน้ำตกจำลองไหลซ่าๆ นักเรียนตัวเล็กๆสองสามคนกำลังเอาไม้แหย่ลงไปในน้ำให้ปลาออกมาจากกอบัวสีม่วงสด หากแต่เสียงประกาศจากห้องประชาสัมพันธ์ทำลายความงามนี้ไปหมดสิ้น เพราะลองว่ามีเสียงประกาศทีไรก็แสดงว่าต้องมีครูคนใดคนหนึ่งถูกเรียกตัวเข้าห้องเย็นเสียเป็นส่วนใหญ่

“ประกาศนะคะ ขอเชิญครูพชรพบท่านผู้อำนวยการที่ห้องทำงานเดี๋ยวนี้เลยนะคะ” แล้วก็ตามมาด้วยเสียงประกาศซ้ำอีกเช่นเคย

“นี่ผ.อ.แกเป็นอัลไซเมอร์หรือไงวะ รู้อยู่แล้วว่าเช้าๆแบบนี้ไอ้พชรมันต้องขายของอยู่ที่ร้านแน่นอน กว่าจะมาก็เพลงมาร์ชรอบที่สองขึ้นโน่น” ครูโรจน์พูดกับครูสมจินต์ในขณะที่มือกำลังยกแก้วกาแฟอยู่

“เออ...ไอ้จินต์แกเตรียมตัวส่งวิทยฐานะหรือยังวะ” ครูโรจน์พูดต่อ

“ยังเลยว่ะแก งานเอกสารแบบนี้สู้พวกครูผู้หญิงไม่ได้หรอก เล่นเก็บแม่งละเอียดยิบชิบหายเลย กูตั้งแต่บรรจุมาก็มีแต่แผนการสอนเท่านั้นแหละว่ะ ไอ้เรื่องเอกสารตอหลดตอแหลพวกนั้นบอกตรงๆว่าไม่ใช่สันดานกูเลย” ครูสมจินต์หยิบปาท่องโก๋จิ้มสังขยาก่อนจะส่งเข้าไปในปาก

“กูก็ว่าเหมือนกัน เห็นครูสมรแม่งสร้างภาพสุดฤทธิ์เลย ทั้งถ่ายรูป ผลิตสื่อ ทำแฟ้มเอกสาร เหมือนเกณฑ์คนมาช่วยงานแต่งก็ว่าได้ ไหนจะวิทยฐานะ ไหนจะสมศ.เข้า วันนี้ไม่รู้ผ.อ.จะเรียกประชุมซักกี่รอบอีก วันก่อนแม่งล่อเข้าไปครึ่งวันดีที่ได้ข้าวแกงป้าพะยอมช่วย ไม่งั้นมีสิทธิ์เป็นลมคาห้องประชุมแน่” ครูโรจน์ปรับทุกข์กับเพื่อนซี้ที่บรรจุพร้อมกันเมื่อยี่สิบปีก่อน

“อย่าพูดเสียงใดไปเว้ย โน่นครูต้อมปากปีจอนั่งกินข้าวอยู่กับครูสมรอารมณ์เปลี่ยวอยู่ เดี๋ยวแม่นั่นมันก็คาบข่าวไปบอกนายมันอีกแหละ” ครูสมจินต์กระซิบเบาๆพลางบุ้ยปากไปยังโต๊ะข้างๆ

“จริงว่ะ ผ.อ.เรารู้ทุกเรื่องก็เพราะครูสองคนนี่แหละ ได้ข่าวว่าตอนนี้ได้ครูอ้อยมาพลอยผสมโรงอีกคนแล้วนี่” ครูโรจน์พูดพลางขณะที่ครูอ้อยเดินเข้ามาสมทบกับสองครูหญิงรุ่นเดอะที่นั่งอยู่ก่อนแล้ว

“นี่น้องต้อมพี่แทบไม่ได้นอนเลย เอางานไปปรึกษาอาจารย์มาเมื่อวานแกบอกว่าของพี่ต้องปรับอีกแล้วล่ะ เพราะยังไม่เข้ากับเกณฑ์ที่ตั้งไว้” ป้าสมรอวดผลงานเล่มเขื่องที่อยู่ในมือ

“ตายแล้ว ขนาดพี่สมรที่ว่าเนี้ยบแล้วยังไม่ผ่านแล้วของต้อมจะผ่านเหรอคะ” ครูต้อมส่งเสียงแหลมราวตระหนกขึ้นจนคนในร้านหันมามอง

“เอาแบบนี้แล้วกันมีอะไรก็ปรึกษาพี่ที่ห้องคหกรรมแล้วกันนะ วันก่อนพี่ไปขอช่วยน้องดาวทำดอกไม้ใยบัวให้จนป่านนี้ยังไม่เห็นน้องเค้ามาหาพี่เลย บอกแต่ว่าไม่ว่างๆ แย่จริงๆเลยเด็กสมัยนี้ ไม่มีจิตอาสากับครูรุ่นพี่เลย” ครูสมรเอ่ยขึ้นลอยๆจงใจให้ครูต้อมได้ยินในขณะที่มือก็พลิกแฟ้มเอกสารอยู่

อีกไม่นานคณะกรรมการประเมินวิทยฐานะก็จะมาตรวจแล้ว ครูรุ่นที่อายุราชการและฐานเงินเดือนถึงเกณฑ์ที่จะทำวิทยฐานะต่างสับสนวุ่นวายอยู่กับเอกสารประกอบการประเมินและผลงานนักเรียนประกอบการพิจารณา ถ้าจะเทียบแล้วก็เป็นงานใหญ่ขนาดรองจากการประเมนของสมศ.เลยก็ว่าได้
ดังนั้นเวลาว่างของครูกว่าค่อนโรงเรียนในระยะนี้จึงดูจะทำตัวมีประโยชน์มากขึ้น บรรดาครูผู้หญิงขาเมาท์และวงเหล้าของครูผู้ชายก็พลอยซาๆลงไปด้วย

“แบบฟอร์มฉบับใหม่ล่าสุดจ้ะ มาเซ็นรับกันด้วยนะ” ครูปุ๊ชูเอกสารปึกใหญ่ลงบนโต๊ะตัวเอง

“แบบฟอร์มอะไรของผ.อ.อีกล่ะ” ครูพชรหันด้วยมาท่าทางเซ็งๆ

“อ้อ...เปล่าจ้ะ อันนี้เกณฑ์การประเมินวิทยฐานะที่เราต้องเตรียมตัวกันน่ะจ้ะ” หัวหน้าสายชั้น ป.๖รีบอธิบายเมื่อต่างคนต่างส่งสายตาเบื่อๆมาให้

“แล้วไป ว่าแต่พี่เอาไปให้ป้าสมรหรือยังล่ะเดี๋ยวจะน้อยใจว่าพวกเราไม่สนใจอีก เบื่อจะเป็นขี้ปากครูคนอื่นในโรงเรียน” ครูริสารีบเตือนครูปุ๊ด้วยความเป็นห่วง

“พี่ให้เรียบร้อยแล้วจ้ะ ให้คนแรกเลย วันก่อนเราไม่ให้ใบประเมินนิดเดียว ป้าแกเล่นโพนทะนาไปทั่วโรงเรียนเลย น่าเบื่อจริงพวกคนแก่วัยทองพวกนี้” ครูปุ๊นั่งลงบนเก้าอี้ก่อนจะหยิบเอกสารดังกล่าวขึ้นมาอ่าน

“น่าเบื่อจริงเลย เอกสารบ้าบอพวกนี้ ผมต้องมานั่งรวบรวมจนไม่มีเวลาเช็คสต๊อกของที่ร้านเลย นี่ดีที่ว่าพวกลูกจ้างพอจะวางใจได้ เฮ้อ!”

“พี่ว่าเธอออกไปขายของดีกว่าไหมล่ะ เห็นบ่นอยู่นั่นแหละ” ครูแต้วที่กำลังนั่งเอาเอกสารใส่ลงในซองถนอมเอกสารเอ่ยขึ้น

“ก็ว่าเหมือนกันแหละพี่ ให้อายุราชการยี่สิบห้าปีก่อนเหอะจะเออร์ลี่ให้ดู” ครูพชรพูดพลางตรวจใบงานที่เด็กส่ง

“เธอก็พูดได้สิ ใครเค้าก็รู้ว่าเธอกับครูพรรณีน่ะเป็นเจ้าพ่อเจ้าแม่เงินกู้แถมมีกิจการส่วนตัวอีกตะหาก แต่พี่สินอกจากเงินเดือนครูแล้วก็ไม่ได้ทำอะไรเลย ชาติหน้าเกิดมาอย่าให้รวยบ้างแล้วกัน” ครูแต้วกล่าวด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ

ครูเซฟดูจะมึนงงกว่าเพื่อนเพราะจับทางในการทำแฟ้มประเมินวิทยฐานะไม่ถูก ถ้าให้ไปตัดสินกีฬาหรือแข่งมหกรรมไตรกีฬายังดีกว่าให้มาสร้างเอกสารจุกจิกแบบนี้ ครูโรจน์กับครูสมจินต์ถือคติสองคนเพื่อนตาย มีปัญหาอะไรก็ปรึกษาหารือกัน ครูบุ๊งก็อาศัยภรรยาที่แสนดีในการช่วยพิมพ์งานให้จนไม่มีเวลากระหนุงกระหนิงกัน ครูจินดาดูจะน่าสงสารกว่าเพื่อนเพราะไม่รู้เรื่องอะไรเลยนอกจากถ่ายเอกสารตามคนอื่นลูกเดียวโดยไม่ได้พิจารณาเลยว่าเกี่ยวข้องกับตัวเองหรือไม่ ส่วนครูแต้วกว่าจะพิมพ์แต่ละประโยคก็อ่านทบทวนแล้วทบทวนอีก เพราะเบื่อกับการพรินท์มาแล้วมีครูรุ่นพี่ติงว่ายังไม่เหมาะสม

“แล้วพี่แต้วถามหรือเหล่าล่ะคะว่าแบบไหนถึงจะตรงตามหลักเกณฑ์” ครูดาวถามด้วยความสงสัยในขณะที่สายตาก็กำลังพิสูจน์อักษรบนหน้าจอคอมพิวเตอร์

“ไม่รู้เหมือนกัน พอเอาให้คนนี้อ่านก็บอกอย่างหนึ่ง พอเอาให้อีกคนหนึ่งก็บอกไปอีกอย่างหนึ่ง พี่หมดกระดาษเอสี่ไปสี่ห้ารีมแล้วนะ น้องดาว พี่เหนื่อยเหลือเกิน” ครูแต้วถอนใจเฮือกใหญ่ ส่วนมือก็พลิกแฟ้มเอกสารสำรวจไปเรื่อยๆ บังเอิญสายตาเหลือบไปเห็นครูแอ้เดินรี่ไปทางห้องป.๔/๓

“รีบไปไหนน่ะน้องแอ้ แวะทางนี้ก่อนสิจ๊ะ” ครูแต้วทักทายครูในกลุ่มสาระเดียวกัน

“แอ้ขอตัวก่อนนะคะ พอดีป้าสมรฝากชั่วโมงห้อง ป.๔/๓ อีกแล้วน่ะค่ะ” ครูแอ้รีบพูดก่อนจะเดินต่อไป

“สงสารน้องแอ้เนอะ ได้ข่าวว่าป้าสมรไม่เคยไปสอนห้องป.๔/๓เลยตั้งแต่เปิดเทอมมา น้องแอ้ต้องสอนแทนตลอด” ครูแต้วพูดให้ครูดาวฟัง

“ไม่รู้อะไรซะแล้ว พี่แต้ว อย่าว่าแต่ ป.๔เลยพี่ ครูปออื่นเค้าก็มาบ่นให้หนูฟังบ่อยๆค่ะ” ครูดาวซึ่งสอนงานบ้านในช่วงชั้นที่ ๑ พูดถึงครูสมรซึ่งรับผิดชอบสอนงานบ้านในช่วงชั้นที่ ๒ ซึ่งไม่เคยเข้าสอนเลยเพราะมัวแต่เอาเวลาไปทำเอกสารประเมินวิทยฐานะอยู่ให้ครูแต้วฟัง

บรรยากาศการเรียนการสอนใน “เฌอคู่วิทยา”นั้นหากจะบรรยายในตอนนี้คือครูทุกคนพากันง่วนอยู่กับเอกสารเตรียมการประเมินทั้งสิ้น ส่วนนักเรียนก็ปล่อยให้เล่นกันเอ็ดตะโรในห้องเรียนในขณะที่ครูก็อยู่กันแต่ในห้องพักครูหรือไม่ก็ห้องคอมพิวเตอร์

“ครูต้อมครับ ถึงวิชาสังคมศึกษาแล้วครับ” หัวหน้าห้อง ป.๓/๒ เดินมาที่โต๊ะครูต้อมซึ่งเต็มไปด้วยเอกสารกองท่วมหัว

“กฤษฎา เธอบอกให้เพื่อนอ่านหนังสือบทที่ ๓ พลางๆก่อนแล้วทำแบบฝึกหัดหน้า ๒๕ แล้วเธอรวบรวมเอามาส่งครูที่โต๊ะ เอ๊ย! เอาไว้ตรวจชั่วโมงหน้าแล้วกัน ใครเสียงดังจดชื่อมาให้ครูด้วย” ครูต้อมกำชับนักเรียนหัวหน้าห้องอีกครั้งก่อนจะกลับเข้าไปอยู่ในกองเอกสารดังเดิม

เสียงดังลั่นมาจากห้องห้อง ป.๓/๒ ครูเรณูซึ่งสอนวิชาดนตรีอยู่ข้างๆอดรนทนไม่ได้จนต้องฉวยไม้เรียวมาเคาะบนโต๊ะในห้อง ป.๓/๒ เด็กนักเรียนจึงเงียบ

“นี่วิชาอะไร ทำไมส่งเสียงดังแบบนี้” ครูเรณูทำตาเขียวใส่นักเรียนที่กลับไปนั่งก้มหน้างุดที่โต๊ะตัวเอง

“วิชาสังคมของครูต้อมครับ” กฤษฏาลุกขึ้นยืนตอบ ครูเรณูจึงคลายน้ำเสียงลงก่อนจะพูดว่า

“มีงานอะไรก็เอาขึ้นมาทำสิ ครูสอนอยู่ข้างห้อง อย่าเสียงดังรบกวนเพื่อนสิคะ” แล้วเธอก็เดินกลับมาที่ห้องเรียนที่ตนเองสอน

“ดีที่เป็นชั่วโมงครูต้อม ลองเป็นห้องคนอื่นแล้วไม่เข้าสอนสิ คาบไปบอกนายมันหมด” ครูเรณูรำพึงกับตัวเองในขณะที่ได้ยินเสียงดังมาจากทางห้องเดิมอีกครั้ง

และแล้ววันที่คณะกรรมการประเมินวิทยฐานะมาประเมินครูในโรงเรียน “เฌอคู่วิทยา”ก็มาถึง ครูแต่ละคนลุ้นกันระทึก เมื่อครูคนใดออกมาจากห้องสอบสัมภาษณ์ก็จะเข้าไปรุมกันถามจนตอบแทบไม่ทันทั้งๆที่คำถามของแต่ละคนไม่เหมือนกันเลย ห้องเรียนแต่ละห้องถูกจัดตกแต่งอย่างสวยงามต่างจากความเป็นจริงลิบลับจนแม้แต่นักเรียนในห้องเองยังทำตัวไม่ถูก

“เมื่อเช้าไปซื้อผักชีในตลาดไม่มีแม้แต่ใบเดียวเลยพี่กรรณิการ์ขา” ครูพรรณีเดินยิ้มกริ่มเข้ามาในห้องวิชาการ

“ทำไมเหรอ น้องณี” ครูกรรณิการ์ทำหน้างงๆ

“ก็แม่ค้าบอกว่าครูโรงเรียนเฌอคู่วิทยาเหมามาตกแต่งโรงเรียนหมดน่ะสิคะ” ครูพรรณีหัวเราะเสียงดังก่อนจะเดินออกไปอย่างมีความสุข

( ชื่อตัวละครและเรื่องราวนี้เป็นแต่เรื่องสมมติขึ้นมาทั้งสิ้น ไม่ได้มีเจตนาพาดพิงถึงผู้ใด หากได้ล่วงเกินแก่ใครก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ )

( โปรดติดตามตอนต่อไป )






1 ความคิดเห็น:

  1. ขอขอบคุณสำหรับเรื่องนี้

    ทำให้ได้รับอรรถรสอีกรูปแบบหนึ่ง

    และได้รับทราบถึงการประเมินวิทยฐานะของครู ซึ่งเคยทราบจากเพื่อนที่เป็นครูว่าผ่านยากจริง ๆ ตอนนี้เขาส่งไปแล้ว ก็ยังไม่ผ่านต้องแก้ไขใหม่

    ตอบลบ