ค้นหารายละเอียดเพิ่มเติม...ที่นี่

Custom Search

วันพุธที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2551

รักไม่รางเลือน (อวสาน)


รถไฟเทียบชานชาลาเมืองสงขลา ผู้คนคลาคล่ำอยู่ตลอดเวลา หากแต่ที่ยืนเด่นชัดอยู่เบื้องหน้าคุณหลวงนิรุตติ์บรรณาการและคุณนายศิริโฉมคือชายหนุ่มในชุดสูทสีดำที่มีสีหน้าเศร้าสร้อยคล้ายกับโลกนี้จะไม่มีกลางวันอันแสนงดงามอีกแล้ว

“รอนานหรือเปล่าคะ คุณธันวา” ศิริโฉมไหว้ทักทายและสนทนากับอดีตคนรักของเพื่อนรัก

“ผมมาได้สักครู่แล้วครับ ว่าแต่คุณศิริโฉมกับคุณหลวงคงจะเหนื่อยมากสินะครับ” ธันวาหันไปมองคุณหลวงนิรุตติ์บรรณาการที่ยืนนิ่ง สายตาจับจ้องที่ห่อผ้าสีขาวนั้นตลอดเวลาโดยไม่สนใจคำพูดของผู้ชายที่ยืนอยู่เบื้องหน้าเลย

“ผมทราบดีครับว่าคุณหลวงยังคงโกรธที่ผมทอดทิ้งมนัสยาไป จนเธอต้องหนีไปใช้ชีวิตที่พระนคร ทำให้คุณหลวงต้องทนเหงาเดียวดายในบ้านตึกหลังโต แต่จะอย่างไรได้ล่ะครับในเมื่อบุษราวดีหล่อนใช้มารยาล่อลวงผมจนเผลอสร้างห่วงพันธะบีบบังคับให้ผมแต่งงานกับหล่อน ทั้งๆที่หล่อนก็รู้ว่าผมมีมนัสยาเป็นคู่รักแล้ว แถมบุษราวดียังเป็นเพื่อนรักของมนัสยาอีกด้วย มันเจ็บปวดมากอยู่แล้วสำหรับมนัสยาในตอนนั้น”

ศิริโฉมใบหน้าแดงก่ำมือสั่นระริก เมื่อรู้สึกตัวอีกครั้งมือของเธอก็ฝากรอยไว้บนใบหน้าของธันวาแล้ว

“แต่คุณก็ไม่น่าจะปล่อยให้เวลามันผ่านไปเนิ่นนานเพียงนี้ แปดปีนะคะคุณธันวาที่มนัสยาจากสงขลาไป เธออุตส่าห์ไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่นั่นโดยไม่คิดจะกลับมาเหยียบที่นี่อีกแล้ว ฉันยอมเขียนจดหมายบอกมนัสยาไปว่า คุณธันวาหย่ากับบุษราวดีแล้ว และขอร้องให้ฉันเขียนถามเธอว่า ยินดีที่จะแต่งงานกับผู้ชายที่เคยทิ้งเธอไปหรือเปล่า..............” เสียงสะอื้นเข้ากลบคำพูดของหญิงสาว คุณหลวงนิรุตติ์บรรณาการก็ยังคงจ้องห่อผ้าสีขาวไม่วางตาโดยไม่สนใจคำโต้เถียงดังกล่าวแม้แต่น้อย

ธันวาทรุดลงกราบแทบเท้าคุณหลวงชราโดยที่ผู้คนรอบข้างหันมามองอย่างสนใจกับบุคคลทั้งสามที่ยืนโต้เถียงกันมาตั้งแต่ต้น

“ผมขอโทษครับที่ทิ้งลูกสาวคุณหลวงไปเมื่อแปดปีก่อน ผมขอโทษครับที่ขอร้องให้คุณศิริโฉมเขียนจดหมายไปขอมนัสยาแต่งงานอีกครั้ง ผมขอโทษครับที่ทำให้เธอตื่นเต้นมากจนกระทั่งรีบร้อนไปหัวลำโพง เคราะห์ร้ายพวกเจ๊กลากรถลวงไปข่มขืนแล้วฆ่าเอาศพไปวางพาดบนรางรถไฟ................” น้ำตาของธันวาหยดลงเปื้อนรองเท้าหนังมันขลับของคุณหลวงซึ่งตอนนี้ท่านก้มลงลูบหัวของชายหนุ่ม พร้อมทั้งกล่าวอย่างปลงตกว่า

“เรื่องมันผ่านไปแล้ว มันแก้ไขไม่ได้อีกแล้ว มนัสยาลูกสาวผมเธอคงทำบุญมาแค่นี้ แต่คุณเคยสาบานว่าจะดูแลลูกสาวผมตลอดไปก็ต้องทำตามสัญญานะ” คุณหลวงยื่นห่อผ้าขาวใส่มือของธันวาแล้วประคองเขาลุกขึ้นในขณะที่ศิริโฉมก็ค่อยๆประคองร่างของคุณหลวงอีกทอดหนึ่ง

“ครับ คุณหลวง” ธันวารับคำหนักแน่นก่อนที่จะไหว้อำลาคุณหลวงนิรุตติ์บรรณาการและศิริโฉมแล้วเดินข้ามถนนไปยังเบนซ์คันงามที่จอดอยู่ฝั่งตรงข้ามสถานีรถไฟ

“โครม!!!!!!!!!!!”

เสียงรถบรรทุกชนเข้ากับร่างของธันวาอย่างแรงจนร่างเขากระเด็นไปราว ๑๐ เมตร ห่อผ้าขาวคลี่ออกตามแรงปะทะ ฝุ่นอัฐิภายในโกศหินอ่อนสีงาช้างฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณ หากแต่มีเหตุอัศจรรย์ให้มีลมหอบฝุ่นอัฐินั้นปลิวไปร่วงหล่นบนร่างของธันวาพร้อมกับผ้าพันคอสีฟ้าอ่อนผืนโปรดของมนัสยาที่บรรจุอยู่ภายในห่อผ้าด้วยหล่นลงบนใบหน้าของธันวาที่ดวงตาเบิกโพลงนอนจมกองเลือดอยู่

“ผ้าพันคอพันผูกใจไว้เคียงคู่
ต่างตาดูต่างไอรักสมัครสมาน
ฝากนวลน้องถนอมแนบต่างดวงมาน
แม้สิ้นกาลโลกดับรักมิคลาย”

มนัสยาถือกระเป๋าหวายถักใบกะทัดรัดลงจากตู้ขบวนรถไฟ โดยมีผ้าพันคอสีฟ้าอ่อนคลุมไหล่ไว้ส่งยิ้มมาที่ธันวาซึ่งได้ยื่นแขนให้หญิงสาวเกาะไว้ แล้วเขาก็ค่อยๆเอื้อมมือไปคว้ากระเป๋าเดินทางของเธอมาถือไว้เอง

“คุณธันวาคะ ฉันกลับมาเพื่อบอกคุณว่า ฉันยินดีที่จะแต่งงานกับคุณค่ะ” หญิงสาวส่งยิ้มให้ชายหนุ่ม

ศิริโฉมและชาวบ้านในบริเวณสถานีรถไฟวิ่งเข้าไปมุงดูศพของชายหนุ่มท่าทางภูมิฐานที่นอนเลือดท่วมตัวอยู่ เธอมองศพธันวาด้วยความสังเวชใจ แต่ทว่าคุณหลวงนิรุตติ์บรรณาการกลับหันไปมองที่เบนซ์คันงามพร้อมกับส่งยิ้มให้หนุ่มสาวคู่หนึ่งซึ่งคงไม่ต้องบรรยายแล้วว่าคือใคร................

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น