ในอดีตในสมัยที่มนุษย์ สัตว์และเหล่าเทวดานางฟ้ายังไปมาหาสู่กันนั้น ณ แผ่นดินมังกรหลังจากที่เจ้าแม่หนี่หวาและเทพผานกู่สร้างโลกนี้ได้ไม่นาน นางฟ้าดอกบัวทองซึ่งเป็นนางฟ้าผู้ช่วยปรุงยาของไท้เสียงเล่ากุนได้เหาะจากสรวงสวรรค์ลงมาสรงน้ำที่น้ำตกบนโลกมนุษย์ ในขณะนั้นมีนางเหี้ยตัวหนึ่งได้เข้ามาคาบชุดของนางฟ้าดอกบัวทองไป แต่ทว่านางฟ้าดอกบัวทองใช้ญานวิเศษเห็นเข้าจึงตรงเข้าไล่จับนางเหี้ย ด้วยความกลัวนางเหี้ยจึงแกล้งบีบน้ำตาให้นางฟ้าดอกบัวทองเห็นใจ นางฟ้าดอกบัวทองใจอ่อนจึงอุ้มนางเหี้ยเหาะขึ้นสวรรค์นำเข้าไปยังวิมานของตนเอง บังเอิญไท้เสียงเล่ากุนเห็นเข้าจึงเข้ามาห้ามนางฟ้าผู้ช่วยของตนเองว่า “ เจ้านำตัวกาลกิณีเข้าบ้าน เจ้ายังไม่รู้อีกเหรอ” แต่นางฟ้าดอกบัวทองหาสนใจในคำตักเตือนไม่

นางฟ้าดอกบัวทองนำนางเหี้ยออกเดินเล่นบนสรวงสวรรค์ แต่บรรดาเซียนและเหล่านางฟ้าต่างพากันหัวเราะเยาะดูถูกว่าไปนำสัตว์ที่มนุษย์เขารังเกียจขึ้นมาบนสวรรค์ทำไม นางเหี้ยด้วยความโกรธแค้นจึงแกล้งเข้าไปประจบประแจงนางฟ้าดอกบัวทอง ให้นางฟ้าดอกบัวทองไปขอเกล็ดมังกรมาจากพญาเล่งอ๋องแห่งทะเลตงไฮ่มาประดับร่างกายตน คงจะทำให้บรรดาเหล่าเซียนต่างๆเลิกหัวเราะเยาะตนเอง โดยนางเหี้ยวางอุบายว่า “ให้หลอกพญามังกรว่าจะขอเกล็ดมังกรมาเป็นส่วนผสมในการปรุงยาของไท้เสียงเล่ากุน” นางฟ้าดอกบัวทองด้วยความรักในสัตว์เลี้ยงนี้จึงยอมทำตาม

นางใช้อิทธิฤทธิ์ของตนประสานเกล็ดมังกรลงบนเกล็ดของนางเหี้ยจนงดงาม นับแต่วันนั้นนางเหี้ยจึงมีสภาพที่สวยงามไม่ต่างอะไรกับนางฟ้าบนสวรรค์ กิริยาพาทีเยี่ยงสัตว์บนโลกมนุษย์ก็หายไปด้วยนางซ่อนจริตไว้อย่างมิดชิด

ครั้งหนึ่งนางฟ้าดอกบัวทองจำเป็นต้องเข้าบำเพ็ญตบะพร้อมกับไท้เสียงเล่ากุนเพื่อทำพิธีปรุงยาถวายเง็กเซียนฮ่องเต้กับเจ้าแม่หวังหมู่ นางเหี้ยรู้เรื่องนี้เข้าจึงเนรมิตกายตนเองปลอมเป็นนางฟ้าดอกบัวทองและขโมยยาวิเศษของไท้เสียงเล่ากุนลงมายังโลกมนุษย์

นางฟ้าปลอมแสร้งทำอภินิหารให้คนเห็นในความเมตตาและความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่แก่ชาวโลกจนเป็นที่นับหน้าถือตา ทำให้บรรดาหลวงจีนต้องได้รับความเดือดร้อนเนื่องจากมีแต่คนหันไปบูชานางฟ้าปลอมกันทั้งสิ้นโดยเฉพาะอิสตรี นางฟ้าปลอมนำโอสถเทพมาแจกจ่ายแก่บรรดาสานุศิษย์ของตนเองโดยอ้างว่าจะทำให้มีรูปร่างงามเหมือนอย่างนางฟ้าฉางเอ๋อบนดวงจันทร์ มีผิวพรรณเปล่งปลั่งเหมือนเซียนลูกท้อ มีรูปร่างงดงามเหมือนเจ็ดนางฟ้า

ครั้นกาลล่วงผ่านมานางฟ้าปลอมด้วยยังมีกามวิสัยติดอยู่ในราคะ นางได้ไปทำสมัครสังวาสกับปีศาจกระบือนาม “เล่าไอ่” ไว้เป็นองครักษ์พิทักษ์นาง ปรากฏว่านางฟ้าปลอมได้แจกโอสถเทพไปจนหมดแต่บรรดาสานุศิษย์มีความต้องการมาก นางไม่รู้จะทำอย่างไรจึงได้นำดินจอมปลวกมาปั้นเป็นลูกกลอนแล้วเอาสีชาดแต้มแล้วหลอกว่าเป็นโอสถเทพแจกจ่ายให้กับบรรดาสานุศิษย์

ด้วยเคราะห์ซ้ำกรรมซัดนางฟ้าปลอมยังไม่สามารถทิ้งนิสัยของเหี้ยได้ด้วยความต้องการบริโภคไก่เป็นๆ จึงได้อ้อนเล่าไอ่ให้ไปขโมยไก่ของชาวบ้านมาให้นางกิน ผู้คนเริ่มบ่นกันอย่างหนาหูว่าไก่ในเล้าของตนหายไปไหน มีชาวบ้านคนหนึ่งเห็นเข้าได้นำความไปบอก “เจ๊กเต็งไต้ซือ” เจ้าอาวาสวัดหลวงให้มาพิสูจน์ความจริงในสำนักของนางฟ้าปลอม เจ๊กเต็งไต้ซือค้นพบกระดูกไก่จำนวนมากในสำนักนั้น แต่นางฟ้าปลอมก็แกล้งทำมารยาลงร้องไห้กระเสือกกระสนหาว่าเจ๊กเต็งไต้ซืออิจฉาริษยานาง แล้วนำกระดูกไก่มาซ่อนในสำนักของนางฟ้าปลอม นางขู่ว่าจะนำเรื่องนี้ไปฟ้องเง็กเซียนฮ่องเต้ เจ๊กเต็งไต้ซือจุดธูปสาบานต่อหน้าฟ้าดินว่า “สิ่งที่ตนทำเป็นความจริง นางนั่นแหละใส่ร้ายป้ายสี ทำให้พระสงฆ์องคเจ้าต้องมัวหมอง” บรรดาชาวบ้านที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างสับสนเพราะไม่รู้ว่าใครผิดใครถูก แต่ทว่าเทพนักษัตร “ชวด” และ “จอ” ซึ่งเป็นสหายธรรมของเจ็กเต็งไต้ซือทราบข่าวจึงนำตัวไต้ซือและนางฟ้าปลอมขึ้นไปบนสวรรค์ให้เง็กเซียนฮ่องเต้ตัดสิน

ท้องพระโรงบนสวรรค์เง็กเซียนฮ่องเต้ประทับบัลลังก์กับเจ้าแม่หวังหมู่ออกตัดสินคดี เจ้าแม่หวังหมู่แปลกใจที่ทำไมนางฟ้าดอกบัวทองมายืนอยู่ตรงหน้าทั้งๆที่ตอนนี้นางน่าจะกำลังบำเพ็ญตบะกับไท้เสียงเล่ากุน ทั้งเจ๊กเต็งไต้ซือและนางฟ้าปลอมต่างทุ่มเถียงกันจนบรรดาเซียนรู้สึกสับสน นางฟ้าปลอมก็พยายามขุดคุ้ยเรื่องที่ไต้ซือนำกระดูกไก่มาซ่อนในสำนักของนางทั้งที่ไต้ซือไม่ทราบเรื่องอะไรเลย สร้างความเวียนหัวให้กับเง็กเซียนฮ่องเต้ยิ่งนัก

บังเอิญวันนั้นเป็นวันที่นางฟ้าดอกบัวทองออกจากการบำเพ็ญตบะพอดี นางเล็งตาทิพย์มาเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดจึงรีบเหาะมายังท้องพระโรง นางฟ้าปลอมเห็นนางฟ้าดอกบัวทองตัวจริงมาก็เข้าต่อสู้เป็นพัลวัน เกิดเป็นความสับสนที่จะหานางฟ้าดอกบัวทองตัวจริง ต่างฝ่ายต่างยืนยันตัวเองทั้งสององค์ ร้อนถึงเทพปี “ชวด” ต้องเหาะลงไปยืมกระจกส่องวิญญาณของเงี่ยมล่ออ๋องที่เมืองนรกขึ้นมาส่องชาติกำเนิดที่แท้จริง แต่ปรากฏว่าเงาในกระจกก็เป็นรูปนางฟ้าดอกบัวทองทั้งคู่ เทพปี “จอ” ด้วยลงไปคลุกคลีกับมนุษย์อยู่บ่อยๆรู้สันดานเดิมของเหี้ยว่าชอบกินไก่จึงเนรมิตซี่โครงไก่โยนไปต่อหน้านางฟ้าทั้งสอง ปรากฏว่านางฟ้าปลอมด้วยความลืมตัวก็กระโดดเข้าตะครุบซี่โครงไก่ บรรดาทหารสวรรค์ต่างเข้ารุมล้อมจับตัวนางเหี้ย เง็กเซียนฮ่องเต้สั่งทหารลงไปจับตัวปีศาจกระบือเล่าไอ่ขึ้นมาฟังโทษานุโทษด้วย เซียนสื่อสารอ่านพระบรมราชโองการตัดสินคดีนางเหี้ยปลอมดังนี้

๑. นางเหี้ยอกตัญญูเนรคุณต่อนางฟ้าดอกบัวทอง ใช้วาจาล่อลวงให้นางฟ้าดอกบัวทองกระทำความผิดเพื่อสนองกิเลสของนางเหี้ย

๒. นางเหี้ยเสแสร้งแกล้งมารยาทำให้ผู้คนหลงผิด กลับขาวเป็นดำ ใส่ร้ายเจ๊กเต็งไต้ซือทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง

๓. นางเหี้ยในร่างนางฟ้าปลอมกระทำการสมัครสังวาสปีศาจกระบือเล่าไอ่ทำให้มนุษย์เข้าใจผิดนางฟ้าถือเป็นความผิด

๔. นางเหี้ยนำโอสถเทพมาแจกจ่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต และทำยาปลอมหลอกให้คนหลงเชื่อ ส่งผลให้มีผู้คนล้มตายด้วยยาปลอมจำนวนมาก

๕. นางเหี้ยแม้ถูกจับได้ว่าทำผิดยังไม่ยอมรับผิด สร้างความวุ่นวายแก่สรวงสวรรค์ และยังทำร้ายผู้มีพระคุณ

เง็กเซียนฮ่องเต้สาปให้นางเหี้ยกลับลงไปยังโลกมนุษย์แต่ให้กินอาหารประเภทของสกปรก ซากศพและสิ่งที่มนุษย์รังเกียจเดียดฉันท์ ส่วนปีศาจกระบือนั้นก็ให้ไปติดตามนางเหี้ยแม้นางเหี้ยไปที่ใดก็ต้องตามไปโดยตลอดไม่มีสิทธิ์ขัดขืน ต้องทุกขเวทนาเป็นที่มาของเรื่องทำไมเหี้ยถึงชอบกินของสกปรกและมนุษย์ไม่รักใคร่ เข้าบ้านไหนก็จะนำแต่ความฉิบหายมาให้ และเป็นที่มาของคำว่า “โง่เหมือนควาย”

ส่วนนางฟ้าดอกบัวทองถูกจองจำในวิมานของไท้เสียงเล่ากุนมีหน้าที่พัดไฟหม้อต้มยาจนกว่าซุนหงอคงจะมาอาละวาดขโมยยาอายุวัฒนะไปกินและเตะหม้อต้มยาตกลงไปยังโลกมนุษย์ เทพปีชวดและเทพปีจอได้รับบำเหน็จรางวัลและกลับไปประจำยังดวงดาวของตนเองดังเดิม ก็เป็นอันยุตินิทานปรัมปราจากแดนมังกรเรื่องนี้