เรื่องนี้ปรากฏในวรรณคดีชาดกเรื่อง “ปาจิตกุมารชาดก”กล่าวถึงนางอรพิมพลัดพรากจากพระปาจิตกุมารแล้วต้องผจญเคราะห์ด้วยความงามของตนเองจากพรานป่าและสามเณรนอกรีต ด้วยความโศกเศร้านางอรพิมได้เข้าไปในวิหารร้างแห่งหนึ่งแล้วตั้งสัตยาธิษฐานด้วยพระคาถาว่า
“ภนฺเต ภควา โลกนาโถ สุนฺทโร โลกนายโก อุโภ ถนา ตุจฺฉา โหตุ เวสโปโส ภวิสฺสติ”
แปลว่า “ข้าแต่พระผู้มีพระภาคผู้เป็นที่พึ่งของสัตว์โลก พระองค์เป็นนายกผู้นำสัตว์โลกเป็นอันดี ขอให้นมทั้งสองในกายของข้าพเจ้านี้อันตรธานหาย แล้วเพศชายจงบังเกิดมีแก่ข้าพเจ้า” ด้วยคำอธิษฐานนั้นปรากฏว่า
“พระเต้าถันนมของฉันอันเต่งตั้ง
ดูเปล่งปลั่งตั้งตูมเป็นภูมิฐาน
ฉันขอฝากให้พฤกษาพยาบาล
จงเป็นภารพาธุระช่วยบำรุง
อธิษฐานมิได้นานในเดี๋ยวนั้น
เต้านมถันขึ้นไปติดต้นงิ้วสูง
เป็นปุ่มตาติดที่ต้นดูโตตุง
บุญบำรุงอุปถัมภ์เหมือนคำนาง
.............ฯลฯ...............................
โยนีนางขึ้นไปตั้งติดกิ่งสำโรง
ห้อยระโยงลูกระย้าเหมือนโยนี
โยนีหายที่ในกายนางนิ่มนาฏ
องคชาติก็บังเกิดแทนอิตถี”
ต่อมานางอรพิมในเพศชายนั้นได้ออกบวชจนได้เป็นถึงสังฆราช ท้ายที่สุดนางกับพระปาจิตกุมารได้มาพบกันอีกครั้งหนึ่งนางจึงได้อธิษฐานกลับคืนเพศเดิมของตนและเป็นตำนานเกี่ยวกับรูปร่างของต้นงิ้วและต้นสำโรงว่า
“ต้นสำโรงที่นางฝากโยนีใน
จึงออกน้อยมาก็คล้ายเหมือนโยนี
ต้นงิ้วนั้นที่เอาถันนางไปฝาก
ครั้นถันนางมาเสียจากอิตถี
ด้วยนิสัยไว้เป็นเดิมยังอยู่ดี
จึงปุ่มงิ้วนั้นมามีเหมือนนมคน”
ใครว่าวรรณคดีไทยน่าเบื่อ ยังมีที่แปลกๆกว่านี้อีกนะครับคราวหน้าจะเอามาเล่าใหม่ อ้อ...แถมท้ายให้อีกนิดหนึ่ง เรื่องปาจิตกุมารชาดกนี้เป็นตำนานท้องถิ่นที่ดังมากทางภาคอีสาน และลูกสำโรงที่คนโบราณว่ามีลักษณะคล้ายคลึงกับโยนีนั้นมีชื่อเรียกว่า “ลูกหีผี”หรือ “โยนีปิศาจ”ครับ ยังมีชื่อภาษาเขมรอีกลองไปค้นคว้ากันต่อดูนะครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น