ค้นหารายละเอียดเพิ่มเติม...ที่นี่

Custom Search

วันพฤหัสบดีที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2552

สัญญายุติวุ่นจีนตะกั่วป่า

หลวงประเทศพานิช(หลวงประเทศภานิชใหหลำ)ให้จีนฮกเกี้ยน จีนมาเก๊า จีนไหหลำ ลงนามยุติการทะเลาะในตะกั่วป่า มีแซ่หู่ แซ่ลิ้ม แซ่ต่อง แซ่เจียว แซ่เจีย แซ่เอียบ

สำเนาได้รับจากคุณหรินทร์ สุขวัจน์ เมื่อ ๑๕ มิถุนายน ๒๕๕๒

คลิกตามไปที่ลิงค์ด้านล่างได้เลยครับ พอดีว่าเซฟรูปภาพประเภทนี้ไม่เป็น

สัญญายุติวุ่นจีนตะกั่วป่า


เรื่องอั้งยี่งี่หินหัวควายเมื่อระงับอั้งยี่ที่เมืองระนองกับเมืองภูเก็ต ซึ่งเป็นกบฏเมื่อปีชวด พ.ศ. ๒๔๑๙ เรียบร้อยแล้ว ต่อมาอีก ๙ ปีถึงปีระกา พ.ศ. ๒๔๒๘ เกิดอั้งยี่กำเริบขึ้นตามหัวเมืองในแหลมมลายูอีกครั้งหนึ่งแต่เป็นอย่างแปลกประหลาดผิดกับที่เคยมีมาแต่ก่อน ด้วยพวกอั้งยี่ล้วนเป็นไทยไปเอาอย่างจีนมาตั้งอั้งยี่ขึ้นเรียกพวกตัวเองว่า "งี่หินหัวควาย" แต่ในทางราชการใช้ราชาศัพท์เรียกว่า "งี่หินหัวกระบือ" หัวหน้ามักเป็นพระภิกษุซึ่งเป็นสมภารอยู่ตามวัด เอาวัดเป็นกงสีที่ประชุม จะมีขึ้นในเมืองไหนก่อนไม่ทราบแน่ แล้วผู้ต้นคิดแต่งพรรคพวกไปเที่ยวเกลี้ยกล่อมผู้คน คือสมภารตามวัดโดยเฉพาะให้ตั้งอั้งยี่งี่หินหัวควายขึ้นตามเมืองต่างๆทางเมืองปักษ์ใต้ตั้งแต่เมืองกำเนิดนพคุณ เมืองปทิว เมืองชุมพร เมืองหลังสวน เมืองไชยา ลงไปจนเมืองกาญจนดิฐ ทางฝ่ายเมืองตะวันตกก็เกิดที่เมืองตะกั่วทุ่ง เมืองตะกั่วป่า เมืองคีรีรัตนนิคม และเมืองถลาง ก็แต่ธรรมดาของการตั้งอั้งยี่เหมาะแต่กับจีน เพราะเป็นชาวต่างประเทศมาหากินอยู่ต่างด้าว จึงรวมเป็นพวกเพื่อป้องกันตัวมิให้ชาวเมืองข่มเหงอย่างหนึ่ง เพราะพวกจีนมาหากินเป็นกรรมกรอาศัยเลี้ยงชีพแต่ด้วยค่าจ้างที่ได้มาจากค่าแรงงาน จึงรวมกันเป็นพวกเพื่อมิให้แย่งงานกันทำ และมิให้ผู้จ้างเอาเปรียบลดค่าจ้างโดยอุบายต่างๆ ตลอดจนสงเคราะห์กันในเวลาต้องตกยาก พวกจีนชั้นเลวจึงเห็นว่าเป็นประโยชน์แก่ตนที่จะเข้าเป็นอั้งยี่ แต่ไทยเป็นชาวเมืองนั้นเองต่างมีถิ่นฐานทำการงานหาเลี้ยงชีพได้โดยอิสระลำพังตน ไม่มีกรณีที่ต้องเกรงภัยเหมือนอย่างพวกจีนกรรมกร การที่ตั้งอั้งยี่เป็นแต่พวกคนพาล ที่เป็นหัวหน้าประสงค์ลวงเอาเงินค่าธรรมเนียม โดยอ้างว่าถ้าเข้าเป็นอั้งยี่จะเป็นประโยชน์อย่างนั้นๆ ครั้นรวมกันตั้งเป็นอั้งยี่ไม่มีกรณีอันเป็นกิจการของสมาคมอย่างพวกจีน พวกหัวโจกก็ชักชวนให้พวกอั้งยี่แสวงหาผลประโยชน์ด้วยทำเงินแดงบ้าง ด้วยคุมกันเที่ยวปล้นสะดมภ์ชาวบ้านเอาทรัพย์สินบ้าง พวกงี่หินหัวควายมีขึ้นที่ไหนพวกชาวเมืองก็ได้ความเดือดร้อนเช่นเดียวกับเกิดโจรผู้ร้ายชุกชุม แต่การปราบปรามก็ไม่ยากเพราะมีแต่แห่งละเล็กละน้อย พวกชาวเมืองพากันเกลียดชังพวกงี่หินหัวควายคอยช่วยรัฐบาลอยู่ทุกเมือง ครั้งนั้นโปรดฯให้พระยาสุรินทรภักดี(ชื่อตัวอะไร และภายหลังได้มียศศักดิ์เป็นอย่างไร สืบยังไม่ได้ความ)เป็นข้าหลวงลงไปชำระทางหัวเมืองปักษ์ใต้ ให้ข้าหลวงประจำเมืองภูเก็ตชำระทางหัวเมืองฝ่ายตะวันตก ให้จับแต่ตัวนายหัวหน้าโจกและที่ได้กระทำโจรกรรมส่งเข้ามาลงพระราชอาญาในกรุงเทพฯ พวกที่เป็นแต่เข้าอั้งยี่ให้เรียกประกันทัณฑ์บนแล้วปล่อยไป ในไม่ช้าก็สงบเรียบร้อย ถ้าไม่เขียนเล่าไว้ในที่นี้ก็เห็นจะไม่มีใครรู้ว่าเคยมีอั้งยี่ "งี่หินหัวควาย"

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น