ตามที่ท่านได้ทราบกันอยู่แล้วว่า ในหนังสือหลายเล่มได้กล่าวถึงพระสัญญาวิปลาสของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชนั้นเนื่องด้วยความสนพระทัยในวิชากรรมฐาน แต่เมื่อข้าพเจ้าได้อ่านพระราชพงศาวดารกรุงธนบุรี ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม)แล้ว ปรากฏว่ามีการบันทึกเกี่ยวกับพระสรีระของพระองค์ว่าต้องตามพุทธลักษณะหลายประการดังความว่า
“...................แล้วตรัสประภาษถึงพระกรรมฐานว่า พระนาภีพระองค์นั้นแข็งไป กระแหมบมิเข้าผิดกับสามัญโลกทั้งปวง อัศจรรย์นี้ต้องด้วยพระบาลีในพระกรรมฐาน
แล้วตรัสถามพระราชาคณะด้วยพระรูปพระลักษณะ ทรงพระฉายดูเห็นพระปริมณฑลฉะนี้ จะต้องด้วยพระบาลีว่าอย่างไร พระราชาคณะถวายพระพรว่า พระบาลีพระลักษณะสมเด็จพระพุทธเจ้า พระรูปนั้นเปรียบประดุจต้นไทร ปริมณฑลมิได้สูงต่ำมิได้ยาวสั้น มีพระลักษณะหนา ๗ ประการ คือ พระกรขวาหนึ่งซ้ายหนึ่ง พระบาทขวาหนึ่งซ้ายหนึ่ง พระอังสาขวาหนึ่งซ้ายหนึ่ง พระอุระหนึ่ง เป็น ๗ ประการด้วยกัน จึงทรงพระกรุณาให้หล่อพระพุทธรูปจงต้องด้วยพระพุทธลักษณะให้พระสังฆราชเอาพระบาลีออกมากางให้ช่างทำ
อนึ่งพระสังฆราชแปลพระบาลีพระพุทธลักษณะถวาย พระลักษณะใหญ่ ๓๒ ประการ พระลักษณะอย่างน้อย ๘๐ ประการ จึงทรงดูในพระองค์ต้องด้วยพุทธลักษณะ คือสูญเท่าวาของพระองค์สิ่งหนึ่ง มีเส้นพระอุณาโลมหว่างพระโขนงขาวอยู่เส้นหนึ่ง พระนาภีเวียนขวาเป็นทักษิณาวรรต ๑ แลพระปฤษฎางค์ใหญ่ ๑ ฝ่าพระหัตถ์ ฝ่าพระบาท พระพาหา พระอุระหนาทั้งเจ็ดประการ ก็ต้องด้วยพระพุทธลักษณะทั้งเจ็ดสิ่ง และพระปรางหนาอิ่มเป็นปริมณฑล ๑ เมื่ออ่านพระบาลีและชันสูตรพระองค์ไปทุกประการ ก็ต้องด้วยพระพุทธลักษณะ ๑๒ สิ่ง ที่ไม่ต้องก็ทรงบอกว่าไม่ต้อง.......”
และนี่อาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้พระองค์เข้าพระทัยว่าตนเองนั้นบรรลุพระโสดาบันได้ แต่ไม่มีใครทราบความจริงนี้ได้หรอกว่า แท้จริงแล้วเป็นอย่างไร
“...................แล้วตรัสประภาษถึงพระกรรมฐานว่า พระนาภีพระองค์นั้นแข็งไป กระแหมบมิเข้าผิดกับสามัญโลกทั้งปวง อัศจรรย์นี้ต้องด้วยพระบาลีในพระกรรมฐาน
แล้วตรัสถามพระราชาคณะด้วยพระรูปพระลักษณะ ทรงพระฉายดูเห็นพระปริมณฑลฉะนี้ จะต้องด้วยพระบาลีว่าอย่างไร พระราชาคณะถวายพระพรว่า พระบาลีพระลักษณะสมเด็จพระพุทธเจ้า พระรูปนั้นเปรียบประดุจต้นไทร ปริมณฑลมิได้สูงต่ำมิได้ยาวสั้น มีพระลักษณะหนา ๗ ประการ คือ พระกรขวาหนึ่งซ้ายหนึ่ง พระบาทขวาหนึ่งซ้ายหนึ่ง พระอังสาขวาหนึ่งซ้ายหนึ่ง พระอุระหนึ่ง เป็น ๗ ประการด้วยกัน จึงทรงพระกรุณาให้หล่อพระพุทธรูปจงต้องด้วยพระพุทธลักษณะให้พระสังฆราชเอาพระบาลีออกมากางให้ช่างทำ
อนึ่งพระสังฆราชแปลพระบาลีพระพุทธลักษณะถวาย พระลักษณะใหญ่ ๓๒ ประการ พระลักษณะอย่างน้อย ๘๐ ประการ จึงทรงดูในพระองค์ต้องด้วยพุทธลักษณะ คือสูญเท่าวาของพระองค์สิ่งหนึ่ง มีเส้นพระอุณาโลมหว่างพระโขนงขาวอยู่เส้นหนึ่ง พระนาภีเวียนขวาเป็นทักษิณาวรรต ๑ แลพระปฤษฎางค์ใหญ่ ๑ ฝ่าพระหัตถ์ ฝ่าพระบาท พระพาหา พระอุระหนาทั้งเจ็ดประการ ก็ต้องด้วยพระพุทธลักษณะทั้งเจ็ดสิ่ง และพระปรางหนาอิ่มเป็นปริมณฑล ๑ เมื่ออ่านพระบาลีและชันสูตรพระองค์ไปทุกประการ ก็ต้องด้วยพระพุทธลักษณะ ๑๒ สิ่ง ที่ไม่ต้องก็ทรงบอกว่าไม่ต้อง.......”
และนี่อาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้พระองค์เข้าพระทัยว่าตนเองนั้นบรรลุพระโสดาบันได้ แต่ไม่มีใครทราบความจริงนี้ได้หรอกว่า แท้จริงแล้วเป็นอย่างไร
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น