โรงเรียน “เฌอคู่วิทยา”ปรากฏสีสันใหม่ให้กับโรงเรียนอีกครั้ง โดยเฉพาะบรรดาครูผู้ชายทั้งหนุ่มทั้งแก่ เพราะครูผิง ครูสอนวิชาคอมพิวเตอร์คนเดิมได้ย้ายตามสามีกลับไปอยู่ที่ต่างจังหวัด ดังนั้นเขตพื้นที่การศึกษาจึงได้เรียกบรรจุครูคอมพิวเตอร์ใหม่ให้กับทางโรงเรียน ก่อนที่ครูคอมพิวเตอร์จะมา ผ.อ.จิ๋มก็ได้แจ้งไว้เลาๆว่า เป็นสาวสวยเพิ่งจบจากมหาวิทยาลัย สอบบรรจุได้เป็นลำดับต้นๆของเขตพื้นที่การศึกษา ที่สำคัญคือ โสดแถมฐานะทางบ้านก็ยังดีมากเสียด้วย เรื่องของครูคอมพิวเตอร์ใหม่นี้จึงเป็นหัวข้อสนทนาในวงอาหารเช้าร้านป้าพะยอม จนป้าพะยอมแกนึกคันปากจึงได้ถามบรรดาครูผู้ชายทั้งหลายในเช้าวันหนึ่ง
“นี่ครู ฉันเห็นคุยกันเรื่องครูคอมพ์แสนสวยนี่มาเกือบอาทิตย์แล้วนะ เมื่อไหร่ฉันจะได้เห็นตัวเสียทีล่ะ อยากจะรู้นักว่าสวยขนาดไหน ขนาดตัวยังไม่มา แต่ชื่อเสียงร่ำลือมาถึงนี่แล้ว” ป้าพะยอมยกจานข้าวราดแกงให้ครูโรจน์ ครูเกษตรของโรงเรียน
“สวยสิป้า นี่ผมจองไว้แล้วนะบอกก่อน” ครูบุ๊งซึ่งสอนศิลปะพูดอย่างกระหยิ่มยิ้มย่องก่อนที่ครูเซฟจะดักคอ
“แล้วแกไม่กลัวแม่ลักษมีของแกจะตามมาฉีกอกถึงโรงเรียนหรือวะ จำเรื่องครูผิงไม่ได้เหรอ แค่แกไปเจ๊าะแจ๊ะนิดหน่อย แม่แกตามมาราวีถึงโรงเรียนเลย ดีนะที่ครูผิงแกชิงแต่งงานไปก่อน ไม่งั้นป่านนี้คงถูกฉีกเป็นชิ้นๆแล้ว”
ครูบุ๊งส่ายหัวอย่างเบื่อหน่าย “เออ....ผมก็กลัวเหมือนกันแหละ แต่จะให้เสียชื่อขุนแผนเมืองสุพรรณได้ไงล่ะ พี่โรจน์คอยดูก็แล้วกัน” ครูสอนศิลปะจอมเจ้าชู้จิบชาร้อนเบาๆอย่างสบายอารมณ์
เช้าวันนั้นที่หน้าเสาธง เมื่อนักเรียนผู้นำประกอบพิธีหน้าเสาธงเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผ.อ.จิ๋มก็ได้ขึ้นไปยืนทีเวทียกพื้นเตี้ยๆหน้าเสาธงก่อนจะเอ่ยเสียงแหลมเล็กทักทายนักเรียน
“สวัสดีค่ะ นักเรียน วันนี้ ผ.อ.มีข่าวดีมาบอกนักเรียนค่ะ เนื่องจากอาจารย์อุไรวรรณได้ย้ายตามครอบครัวกลับไปอยู่ต่างจังหวัด ดังนั้นนักเรียนชั้น ป.๕และป.๖จึงไม่มีครูสอนวิชาคอมพิวเตอร์ แต่ตอนนี้โรงเรียนของเราโชคดีมีครูคอมพิวเตอร์คนใหม่มาสอนแล้วค่ะ ผ.อ.จะให้คุณครูขึ้นมาแนะนำตัวเองนะคะ นักเรียนอยากรู้จักไหมคะ”
นักเรียนทั้งหมดกล่าวขึ้นพร้อมเพรียงกันว่า “อยากรู้จักครับ/ค่ะ”
ผ.อ.จิ๋มถอยลงจากยกพื้นเตี้ยๆนั้นก่อนที่ครูสาวแสนสวยสมคำร่ำลือจะก้าวขึ้นมายืนเด่นเป็นจุดสนใจของทุกคน
“สวัสดีค่ะ เพื่อนครูทุกท่านและนักเรียนทุกคน ดิฉัน นางสาวอัจฉรา ดำรงคุณาเวช หรือนักเรียนจะเรียกว่า ครูฝน ก็ได้นะคะ ครูจะมาสอนวิชาคอมพิวเตอร์ ป.๕ และ ป.๖ ค่ะ”
ครูฝนโค้งตัวลงเล็กน้อยก่อนที่จะก้าวลงไป นักเรียนและครูปรบมือต้อนรับเสียงดัง โดยเฉพาะกลุ่มของครูบุ๊งที่ยืนยิ้มกรุ้มกริ่มที่ใต้ต้นศรีตรัง ครูริสากับครูแต้วที่ยืนอยู่ข้างๆหันมาซุบซิบกันใหญ่
“นี่พี่แต้วดูสิ มาแย่งตำแหน่งความงามของริสาหมดเลย แหม....น่าหมั่นไส้จริง” ครูริสาใช้สายตาชี้ไปที่กลุ่มครูผู้ชาย
“โถ...น้องริสาจ๊ะ ครูใหม่มาเราก็ต้องให้คำแนะนำสิจ๊ะ พวกครูผู้ชายเห่ออะไรกันไม่นานหรอก เดี๋ยวพอเห็นหน้าทุกวันก็เบื่อไปเองนั่นแหละ” ครูแต้วเอนตัวเข้ามาใกล้ๆครูริสาที่ยืนตาเขียวอยู่
แต่ดูเหมือนว่าคำพูดของครูแต้วจะไม่เป็นความจริงเสียแล้ว เพราะบรรดาครูผู้ชายในโรงเรียนจากเดิมที่เมื่อถึงชั่วโมงว่างก็จะมานั่งคุยกันตามประสาผู้ชายที่ม้าหินใต้ลานโพ ซึ่งเป็นลานร่มไม้อเนกประสงค์ของโรงเรียน ถึงกับขนาดนายแคล้วภารโรงสร้างศาลาเล็กๆให้นั่งเป็นที่ประจำ แต่กลายเป็นว่าเมื่อถึงชั่วโมงว่างจะต้องไปที่ห้องคอมพิวเตอร์ที่ครูฝนดูแลอยู่ และจะต้องเป็นเหตุบังเอิญทุกครั้งที่เป็นชั่วโมงว่างของครูฝนด้วย เข้าตำราหัวกระไดบ้านไม่แห้งเลยทีเดียว
“พี่วิชาญมีอะไรเหรอคะ” ครูฝนยิ้มให้ครูวิชาญซึ่งสอนวิทยาศาสตร์ชั้น ป.๕ ที่เดินมาทางด้านหลังครูฝน
“พี่จะให้น้องฝนช่วยดูแฮนดี้ไดรฟ์ให้พี่หน่อยนะจ้ะ น่าจะติดไวรัส อยากให้น้องช่วยสแกนให้หน่อย” ครูวิชาญยื่นแฮนดี้ไดรฟ์ให้ ครูฝนช่วยเช็คให้แล้วบอกว่า “จริงด้วยค่ะ เดี๋ยวหนูขอฆ่าไวรัสแป๊บนึงนะคะ”
“จ้ะ ไม่เป็นไร นานๆก็ได้” ระหว่างรอนั้นครูวิชาญก็ป้อยอครูฝนสารพัดตามประสาหมาหยอกไก่ โดยเฉพาะหมาวัยห้าสิบต้นๆ ลูกเล่นแพรวพราวแบบนี้สร้างความอึดอัดให้กับครูฝนมาก เธอเหลือบดูนาฬิกาบ่อยครั้ง เพราะแม้ว่าครูวิชาญจะเสร็จธุระแล้วเขาก็ยังคงนั่งในห้องคอมพิวเตอร์ต่อ จนเข็มยาวชี้ที่เลขหก ครูฝนรู้สึกอึดอัดจึงพูดตัดบทขึ้น
“พี่วิชาญค่ะ เดี๋ยวหนูมีสอนต่อ ถ้ายังไงขอเชิญพี่ก่อนนะคะ เดี๋ยวเด็กนักเรียนจะมาใช้ห้องคอมพ์นี้ค่ะ” ครูฝนยิ้มหวานให้ เธอมองครูอายุคราวพ่อที่เดินลับไปพ้นห้องของเธอ
ทุกเหตุการณ์ไม่สามารถรอดพ้นสายตาของครูต้อมซึ่งสอนภาษาไทยอยู่อาคารสอง ฝั่งตรงข้ามกับห้องคอมพิวเตอร์พอดี เธอรีบเอาหนังสือเรียนไปเก็บที่โต๊ะในห้องพักครูอย่างลุกลี้ลุกลนจนครูพชรเห็นผิดสังเกต
“นั่นครูต้อมแกจะไปไหนน่ะ ดูรีบร้อนจัง” ครูแอ้ที่นั่งตรวจงานข้างๆก็เลยตอบอย่างรำคาญในขณะที่หน้าก็กำลังก้มงุดอยู่กับกองสมุดการบ้านภาษาอังกฤษ
“จะไปไหนได้ล่ะ น้องพชร ก็คงไปได้ข่าวอะไรดีๆคาบไปฟ้องนายมันน่ะสิ”
จริงอย่างที่ครูแอ้พูด ครูต้อมเดินหายเข้าไปในห้อง ผ.อ.จิ๋มนานสองนาน จนเสียงเด็กนักเรียนซึ่งรอเรียนกับครูต้อมอยู่ดังมาถึงห้องพักครู ครูแอ้สุดจะรำคาญคว้าไม้เรียวได้แล้วเดินออกไปจากห้องสักครู่หนึ่ง ก่อนจะกลับเข้ามาอย่างหัวเสีย
“ไอ้พลกฤษณ์มันหาเรื่องเพื่อนอีกแล้ว พี่เลยหวดไปสามที ครูต้อมเข้าไปในห้องนายมันตั้งนานสองนานแล้วยังไม่ออกมาอีกเหรอ ชั่วโมงมันแท้ๆนี่ฉันต้องมาเฝ้าแทนให้อีกแล้ว เบื่อจริงอีนางสนองพระโอษฐ์พวกนี้”
ครูพชรยิ้มก่อนที่จะแซวครูแอ้ที่นั่งหน้าบูดที่โต๊ะของตัวเอง “พี่พูดแบบนี้จะมาแย่งวิชาภาษาไทยผมไปสอนเหรอ ใช้คำนางสนองพระโอษฐ์ซะด้วย”
“อย่ามากวนพี่นะ พชร เมนส์ไม่มา อารมณ์เสีย” เธอพูดก่อนที่จะกลับไปจมกับกองสมุดการบ้านต่อ
ผ่านไปหนึ่งเดือนก็มีข่าวคราวอันโอชะมาให้ครูในโรงเรียน “เฌอคู่วิทยา”เล่าเป็นกับแกล้มกันอีก คือ ทุกเช้าและเย็นจะต้องเห็นครูฝนซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ครูบุ๊งทุกครั้ง ครูบุ๊งเองดูเหมือนจะภูมิใจมากบีบแตรทักทายครูวิชาญซึ่งทำหน้าที่เวรพานักเรียนข้ามถนนในตอนเย็นโดยที่ท้ายรถตัวเองมีครูฝนซ้อนท้ายอยู่ในเย็นวันหนึ่ง
“เฮ้อ...ไอ้บุ๊งคาบไปแดกซะแล้ว” ครูวิชาญรำพึงกับตัวเองเบาๆ
ที่โรงอาหาร ครูแต้วก็ยังควบคุมแถวการรับประทานอาหารของนักเรียนให้เป็นระเบียบเรียบร้อยเหมือนเดิม ครูต้อมซึ่งกำลังยกถาดอาหารเที่ยงเข้าไปให้ ผ.อ.รับประทานในห้องรี่เข้ามาหากลุ่มครูที่นั่งกินข้าวเที่ยงกันอยู่
“เมาท์ค่ะเมาท์ รู้ข่าวครูฝนกับครูบุ๊งหรือยังจ๊ะ”
“อุ๊ย...แม่คุณ เค้ารู้กันแล้วล่ะจ๊ะ แต่ฉันก็ไม่ค่อยรู้อะไรมากหรอก หล่อนล่ะมีอะไรก็บอกมาเหอะ ฉันรู้ว่าหล่อนน่ะคันปากขนาดไหน” ครูสมรจีบปากจีบคอพูด
“นั่นน่ะสิ พี่ว่ามันทะแม่งๆยังไงไม่รู้ ก็ครูบุ๊งแกมีแฟนแล้วนี่ แถมดุด้วย เรื่องคราวน้องผิงยังไม่เข็ดอีกเหรอนี่ นี่มาน้องฝนอีก” ครูกรรณิการ์ช่วยเสริมคำของครูสมร
“สันดานผู้ชายก็แบบนี้แหละค่ะ ถามฉันสิ ฉันรู้ทั้งนั้นแหละ พอชั่วโมงว่างปุ๊บ หรือนักเรียนออกจากห้องคอมพ์ปั๊บก็รีบเดินไปที่ห้องคอมพ์แล้วปิดประตูเงียบฉี่ แถมเสาร์อาทิตย์ยังไปรับถึงบ้านเช่า พาไปดูหนัง อยู่กันสองต่อสอง แล้วเธอว่าจะไปถึงไหนแล้วล่ะยะ” ครูต้อมซุบซิบแถมท้ายด้วยหัวเราะอย่างสนุกสนาน
“ก็ถึงสวรรค์น่ะสิยะ แหม...ครูต้อมนี่เกาะติดทุกสถานการณ์จริงๆนะยะ อุ๊ย!โน่นน้องฝนมาแล้ว เงียบๆก่อนเหอะ” ครูสมรหันกลับมากินข้าวหมกไก่ต่อ ส่วนครูต้อมก็รีบยกถาดอาหารเที่ยงไปที่ห้อง ผ.อ.
ครูฝนรู้สึกได้ถึงบรรยากาศแปลกๆตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ทั้งครูผู้หญิงและครูผู้ชายที่จะหันมามองเธอแล้วกลับไปคุยกันเบาๆ แต่ครูบุ๊งก็ยังเทียวรับเทียวส่งและไปไหนมาไหนกับครูฝนเช่นเดิม
“นี่คอยดูนะพี่แต้วว่าเดี๋ยวน้องลักษมี แฟนครูบุ๊งต้องตามมาราวีครูฝนแน่นอน เชื่อริสาสิ” วันนี้ครูริสาซึ่งสอนคณิตศาสตร์ชั้น ป.๔ เสร็จแวะมาหาครูแต้วที่ห้องพักครูชั้น ป.๖
“น้องริสาก็ ทำไมมองโลกในแง่ร้ายอย่างนั้นล่ะ พี่ว่าเรื่องอย่างนี้ตบมือข้างเดียวไม่ดังหรอก” ครูแต้วหยิบเครื่องดื่มผสมงาดำขึ้นมาดื่มก่อนที่จะออกไปสอนนักเรียนต่อ
และแล้ววันที่ครูริสาทำนายไว้ก็มาถึง หลังจากที่การประชุมประจำสัปดาห์ของหัวหน้ากลุ่มสาระเสร็จสิ้น ครูบุ๊งก็เดินเข้าไปเอารถจักรยานยนต์ที่โรงจอดรถมารับครูฝนที่รออยู่ใต้ต้นอโศกหน้าอาคารหนึ่ง แต่ก่อนที่ครูบุ๊งจะออกรถเพื่อไปส่งครูฝนที่บ้าน รถยนต์คันใหญ่ก็มาจอดตรงหน้ารถจักรยานยนต์ของครูบุ๊ง คล้ายจงใจจะเหยียบขยี้ให้ตายกันไปทีเดียว
“ไงล่ะไอ้บุ๊ง จับได้คาหนังคาเขาเลยนะ คราวนี้จะว่ายังไง มานี่ขอตบอีหน้าด้านนี่หน่อยซิ” พูดจบหญิงสาวท่าทางปราดเปรียวก็กระชากแขนครูฝนลงจากรถจักรยานยนต์
เสียงตบดังฉาดลงที่แก้มครูฝนอย่างแรง “ไงล่ะ หน้าด้านนักใช่ไหม ถึงได้มาแย่งผัวชาวบ้าน ผู้ชายมีตั้งมากมาย ทำไมไม่มีปัญญาจับหรือไง เหรอว่าชอบปีนต้นงิ้ว” เสียงตบอีกฉาดใหญ่ดังขึ้นอีกครั้ง
ครูฝนด้วยความตื่นตระหนก เมื่อได้สติเธอก็รีบสะบัดข้อมือที่ลักษมีจับไว้แน่นแล้ววิ่งไปหลบในห้องประชาสัมพันธ์ทันที ครูดาวเห็นเหตุการณ์รีบดึงแขนครูฝนให้เข้าไปหลบใต้โต๊ะทำงานของเธอ
“นี่ ลักษมี เธอไม่ให้เกียรติผมบ้างเลยเหรอ นี่โรงเรียนนะ แล้วผมจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน” ครูบุ๊งจับข้อมือของแฟนสาวไว้
“ก็เอาไปซุกใต้กระโปรงอีนังนั่นก็ได้นี่ ชอบไม่ใช่เหรอ ฉันว่าแล้วว่ามันแปลกๆ ฉันมานั่งที่ร้านข้าวแกงหน้าโรงเรียนเป็นอาทิตย์แล้ว แกไม่สังเกตบ้างเหรอ ไอ้บุ๊ง” ลักษมีเลือดขึ้นหน้า เธอใช้ถ้อยคำต่อว่าแฟนหนุ่มดังลั่น ดีที่ว่าเป็นเวลาหลังเลิกเรียนแล้วจึงมีนักเรียนบางตา แต่ที่หน้าต่างห้องพักครูปรากฏศีรษะของครูโรงเรียน “เฌอคู่วิทยา”โผล่ออกมาเกือบทุกบาน ไม่เว้นแม้แต่ม่านสีกรมท่าในห้องส่วนตัวของ ผ.อ.จิ๋มก็ปรากฏมือแง้มออกมาดู
“ไหนมันไปไหนแล้วล่ะ แน่จริงก็มาสู้กันซึ่งๆหน้าสิ ตอนทำไม่อาย พอตอนนี้ทำมาเป็นหน้าบาง ออกมานะ อีดอกทอง” เสียงลักษมีดังเข้าไปในห้องประชาสัมพันธ์ ครูฝนนั่งเอามืออุดหูตัวสั่นอยู่ใต้โต๊ะทำงานของครูดาว ครูกรรณิการ์ที่อยู่ในห้องวิชาการเดินเข้ามากระซิบกับครูดาวเบาๆ
“อย่าให้น้องเค้าออกมาก่อนนะ ไม่งั้นเป็นเรื่องใหญ่แน่” ครูดาวรับคำและกลับเข้าไปล็อกห้องประชาสัมพันธ์ไว้
เช้าวันรุ่งขึ้น ครูบุ๊งกับครูฝนก็ถูกเรียกตัวเข้าไปพบ ผ.อ.จิ๋มตั้งแต่เช้า ครูคนอื่นๆรู้ดีว่าอะไรจะเกิดขึ้น วันนี้ที่ร้านป้าพะยอมมีกับแกล้มรสเด็ดอีกแล้ว
“ครูคะ เห็นว่าเมื่อวานแฟนครูบุ๊งมาอาละวาดครูคอมพ์คนใหม่จริงเหรอคะ” ป้าพะยอมยกแก้วชาเย็นให้ครูสุชาวดี
“ป้าพะยอมรู้ได้ไงล่ะ” ครูสุชาวดีแกล้งทำเป็นถาม
“ก็ไอ้เพียวลูกป้ามันเล่นอยู่ใต้ลานโพพอดีแล้วเห็นน่ะค่ะ นี่พวกแม่ค้าหน้าโรงเรียนเค้าก็เห็นกันทั้งนั้นนะคะ เป็นทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์ เช้านี้เลยนะคะ” ป้าพะยอมเอาถาดผักจิ้มกับน้ำพริกมาให้ที่โต๊ะของครูสุชาวดี
“ก็สมน้ำหน้ามันแล้วนี่ ไอ้บุ๊งน่ะ มีแฟนเป็นตัวเป็นตนอยู่แล้วแถมดุอีกต่างหาก เกิดเรื่องครั้งหนึ่งแล้วยังไม่เข็ดก็สมควรล่ะ” ครูวิชาญพูดด้วยน้ำเสียงสะใจ ครูโรจน์ที่นั่งข้างๆจึงแกล้งหยั่งเชิงต่อ
“ที่พูดแบบนี้เพราะอิจฉาไอ้บุ๊งมันใช่ไหมล่ะ พี่วิชาญ โถ...พี่น่ะจะห้าสิบแล้วนะ เด็กมันไม่มองหรอก ต้องหนุ่มแน่นอย่างไอ้บุ๊งโน่น สาวถึงจะชอบ”
ครูวิชาญไม่พูดอะไรก้มหน้าก้มตากินข้าวแกงต่อ แต่ครูโรจน์สังเกตเห็นมือของครูวิชาญกำช้อนไว้แน่น
ครูฝนไม่ได้มาสอนหนึ่งอาทิตย์ ผ.อ.จิ๋มจึงเรียกครูวิชาญ หัวหน้าสายชั้นป.๕ กับครูปุ๊ หัวหน้าสายชั้นป.๖ เข้าไปพบที่ห้องส่วนตัว
“ผ.อ.ตัดสินใจให้ครูฝนย้ายไปสอนที่โรงเรียนอีกโรงหนึ่งแล้ว และกำลังขอครูคอมพิวเตอร์มาแทนครูฝน ระหว่างนี้วิชาญกับปุ๊ก็จัดครูสอนแทนไปก่อนนะ ไม่ต้องให้เด็กมาที่ห้องคอมพิวเตอร์เพราะไม่มีใครดูแล ครูวิรุณที่สอนคอมพ์ ป.๑ ป.๒ กับครูเจนสุดาที่สอนคอมพ์ ป.๓ ป.๔ เค้าก็มีชั่วโมงสอนหนักพอแล้ว คิดว่าเดือนหน้าครูใหม่ก็คงจะมา” ผ.อ.จิ๋มยกแก้วกาแฟขึ้นดื่ม ครูวิชาญถามด้วยความสงสัยขึ้นมาว่า
“แล้วเรื่องของครูบุ๊งล่ะครับ” ผ.อ.จิ๋มยิ้มแต่ก็ไม่ได้ตอบอะไร
ผ่านไปหนึ่งเดือนที่โต๊ะของครูแต้วก็มีซองสีชมพูวางไว้ ครูแต้ววางกระเป๋าเอกสารลงที่เก้าอี้ก่อนที่จะหยิบซองนั้นขึ้นมาพิจารณา
“นี่การ์ดแต่งงานใครอีกล่ะ พชร เดือนนี้พี่ได้มาสามงานแล้วนะ หมดกันเงินเดือนพี่ กะว่าจะเอาไปซื้อตุ้มหูซะหน่อย”
ครูพชรที่กำลังนั่งเช็คเมลล์อยู่ที่เครื่องคอมพิวเตอร์ของสายชั้นหันมาตอบอย่างหงุดหงิด
“ก็งานแต่งของครูบุ๊งกับลักษมีน่ะสิ ก็วันนั้น ผ.อ.ถามว่า ครูบุ๊งน่ะจะเลือกใคร การที่ทำแบบนี้มันไม่ใช่ตัวอย่างที่ดีของคนเป็นครู และมันเป็นการทำลายชื่อเสียงของผู้หญิงทั้งคู่ด้วย จะทำอะไรก็ให้มันถูกต้องตามประเพณี เข้าตามตรอกออกตามประตู อย่าจับปลาสองมือ และนี่ก็คือคำตอบไงล่ะครับ”
ครูพชรหันกลับไปที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ต่อ ครูแต้วเปิดซองสีชมพูดูรายละเอียดบนการ์ดแต่งงานที่มีรูปของคู่บ่าวสาวส่งยิ้มหวานมาที่เธอ
( ชื่อตัวละครและเรื่องราวนี้เป็นแต่เรื่องสมมติขึ้นมาทั้งสิ้น ไม่ได้มีเจตนาพาดพิงถึงผู้ใด หากได้ล่วงเกินแก่ใครก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ )
( โปรดติดตามตอนต่อไป )
“นี่ครู ฉันเห็นคุยกันเรื่องครูคอมพ์แสนสวยนี่มาเกือบอาทิตย์แล้วนะ เมื่อไหร่ฉันจะได้เห็นตัวเสียทีล่ะ อยากจะรู้นักว่าสวยขนาดไหน ขนาดตัวยังไม่มา แต่ชื่อเสียงร่ำลือมาถึงนี่แล้ว” ป้าพะยอมยกจานข้าวราดแกงให้ครูโรจน์ ครูเกษตรของโรงเรียน
“สวยสิป้า นี่ผมจองไว้แล้วนะบอกก่อน” ครูบุ๊งซึ่งสอนศิลปะพูดอย่างกระหยิ่มยิ้มย่องก่อนที่ครูเซฟจะดักคอ
“แล้วแกไม่กลัวแม่ลักษมีของแกจะตามมาฉีกอกถึงโรงเรียนหรือวะ จำเรื่องครูผิงไม่ได้เหรอ แค่แกไปเจ๊าะแจ๊ะนิดหน่อย แม่แกตามมาราวีถึงโรงเรียนเลย ดีนะที่ครูผิงแกชิงแต่งงานไปก่อน ไม่งั้นป่านนี้คงถูกฉีกเป็นชิ้นๆแล้ว”
ครูบุ๊งส่ายหัวอย่างเบื่อหน่าย “เออ....ผมก็กลัวเหมือนกันแหละ แต่จะให้เสียชื่อขุนแผนเมืองสุพรรณได้ไงล่ะ พี่โรจน์คอยดูก็แล้วกัน” ครูสอนศิลปะจอมเจ้าชู้จิบชาร้อนเบาๆอย่างสบายอารมณ์
เช้าวันนั้นที่หน้าเสาธง เมื่อนักเรียนผู้นำประกอบพิธีหน้าเสาธงเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผ.อ.จิ๋มก็ได้ขึ้นไปยืนทีเวทียกพื้นเตี้ยๆหน้าเสาธงก่อนจะเอ่ยเสียงแหลมเล็กทักทายนักเรียน
“สวัสดีค่ะ นักเรียน วันนี้ ผ.อ.มีข่าวดีมาบอกนักเรียนค่ะ เนื่องจากอาจารย์อุไรวรรณได้ย้ายตามครอบครัวกลับไปอยู่ต่างจังหวัด ดังนั้นนักเรียนชั้น ป.๕และป.๖จึงไม่มีครูสอนวิชาคอมพิวเตอร์ แต่ตอนนี้โรงเรียนของเราโชคดีมีครูคอมพิวเตอร์คนใหม่มาสอนแล้วค่ะ ผ.อ.จะให้คุณครูขึ้นมาแนะนำตัวเองนะคะ นักเรียนอยากรู้จักไหมคะ”
นักเรียนทั้งหมดกล่าวขึ้นพร้อมเพรียงกันว่า “อยากรู้จักครับ/ค่ะ”
ผ.อ.จิ๋มถอยลงจากยกพื้นเตี้ยๆนั้นก่อนที่ครูสาวแสนสวยสมคำร่ำลือจะก้าวขึ้นมายืนเด่นเป็นจุดสนใจของทุกคน
“สวัสดีค่ะ เพื่อนครูทุกท่านและนักเรียนทุกคน ดิฉัน นางสาวอัจฉรา ดำรงคุณาเวช หรือนักเรียนจะเรียกว่า ครูฝน ก็ได้นะคะ ครูจะมาสอนวิชาคอมพิวเตอร์ ป.๕ และ ป.๖ ค่ะ”
ครูฝนโค้งตัวลงเล็กน้อยก่อนที่จะก้าวลงไป นักเรียนและครูปรบมือต้อนรับเสียงดัง โดยเฉพาะกลุ่มของครูบุ๊งที่ยืนยิ้มกรุ้มกริ่มที่ใต้ต้นศรีตรัง ครูริสากับครูแต้วที่ยืนอยู่ข้างๆหันมาซุบซิบกันใหญ่
“นี่พี่แต้วดูสิ มาแย่งตำแหน่งความงามของริสาหมดเลย แหม....น่าหมั่นไส้จริง” ครูริสาใช้สายตาชี้ไปที่กลุ่มครูผู้ชาย
“โถ...น้องริสาจ๊ะ ครูใหม่มาเราก็ต้องให้คำแนะนำสิจ๊ะ พวกครูผู้ชายเห่ออะไรกันไม่นานหรอก เดี๋ยวพอเห็นหน้าทุกวันก็เบื่อไปเองนั่นแหละ” ครูแต้วเอนตัวเข้ามาใกล้ๆครูริสาที่ยืนตาเขียวอยู่
แต่ดูเหมือนว่าคำพูดของครูแต้วจะไม่เป็นความจริงเสียแล้ว เพราะบรรดาครูผู้ชายในโรงเรียนจากเดิมที่เมื่อถึงชั่วโมงว่างก็จะมานั่งคุยกันตามประสาผู้ชายที่ม้าหินใต้ลานโพ ซึ่งเป็นลานร่มไม้อเนกประสงค์ของโรงเรียน ถึงกับขนาดนายแคล้วภารโรงสร้างศาลาเล็กๆให้นั่งเป็นที่ประจำ แต่กลายเป็นว่าเมื่อถึงชั่วโมงว่างจะต้องไปที่ห้องคอมพิวเตอร์ที่ครูฝนดูแลอยู่ และจะต้องเป็นเหตุบังเอิญทุกครั้งที่เป็นชั่วโมงว่างของครูฝนด้วย เข้าตำราหัวกระไดบ้านไม่แห้งเลยทีเดียว
“พี่วิชาญมีอะไรเหรอคะ” ครูฝนยิ้มให้ครูวิชาญซึ่งสอนวิทยาศาสตร์ชั้น ป.๕ ที่เดินมาทางด้านหลังครูฝน
“พี่จะให้น้องฝนช่วยดูแฮนดี้ไดรฟ์ให้พี่หน่อยนะจ้ะ น่าจะติดไวรัส อยากให้น้องช่วยสแกนให้หน่อย” ครูวิชาญยื่นแฮนดี้ไดรฟ์ให้ ครูฝนช่วยเช็คให้แล้วบอกว่า “จริงด้วยค่ะ เดี๋ยวหนูขอฆ่าไวรัสแป๊บนึงนะคะ”
“จ้ะ ไม่เป็นไร นานๆก็ได้” ระหว่างรอนั้นครูวิชาญก็ป้อยอครูฝนสารพัดตามประสาหมาหยอกไก่ โดยเฉพาะหมาวัยห้าสิบต้นๆ ลูกเล่นแพรวพราวแบบนี้สร้างความอึดอัดให้กับครูฝนมาก เธอเหลือบดูนาฬิกาบ่อยครั้ง เพราะแม้ว่าครูวิชาญจะเสร็จธุระแล้วเขาก็ยังคงนั่งในห้องคอมพิวเตอร์ต่อ จนเข็มยาวชี้ที่เลขหก ครูฝนรู้สึกอึดอัดจึงพูดตัดบทขึ้น
“พี่วิชาญค่ะ เดี๋ยวหนูมีสอนต่อ ถ้ายังไงขอเชิญพี่ก่อนนะคะ เดี๋ยวเด็กนักเรียนจะมาใช้ห้องคอมพ์นี้ค่ะ” ครูฝนยิ้มหวานให้ เธอมองครูอายุคราวพ่อที่เดินลับไปพ้นห้องของเธอ
ทุกเหตุการณ์ไม่สามารถรอดพ้นสายตาของครูต้อมซึ่งสอนภาษาไทยอยู่อาคารสอง ฝั่งตรงข้ามกับห้องคอมพิวเตอร์พอดี เธอรีบเอาหนังสือเรียนไปเก็บที่โต๊ะในห้องพักครูอย่างลุกลี้ลุกลนจนครูพชรเห็นผิดสังเกต
“นั่นครูต้อมแกจะไปไหนน่ะ ดูรีบร้อนจัง” ครูแอ้ที่นั่งตรวจงานข้างๆก็เลยตอบอย่างรำคาญในขณะที่หน้าก็กำลังก้มงุดอยู่กับกองสมุดการบ้านภาษาอังกฤษ
“จะไปไหนได้ล่ะ น้องพชร ก็คงไปได้ข่าวอะไรดีๆคาบไปฟ้องนายมันน่ะสิ”
จริงอย่างที่ครูแอ้พูด ครูต้อมเดินหายเข้าไปในห้อง ผ.อ.จิ๋มนานสองนาน จนเสียงเด็กนักเรียนซึ่งรอเรียนกับครูต้อมอยู่ดังมาถึงห้องพักครู ครูแอ้สุดจะรำคาญคว้าไม้เรียวได้แล้วเดินออกไปจากห้องสักครู่หนึ่ง ก่อนจะกลับเข้ามาอย่างหัวเสีย
“ไอ้พลกฤษณ์มันหาเรื่องเพื่อนอีกแล้ว พี่เลยหวดไปสามที ครูต้อมเข้าไปในห้องนายมันตั้งนานสองนานแล้วยังไม่ออกมาอีกเหรอ ชั่วโมงมันแท้ๆนี่ฉันต้องมาเฝ้าแทนให้อีกแล้ว เบื่อจริงอีนางสนองพระโอษฐ์พวกนี้”
ครูพชรยิ้มก่อนที่จะแซวครูแอ้ที่นั่งหน้าบูดที่โต๊ะของตัวเอง “พี่พูดแบบนี้จะมาแย่งวิชาภาษาไทยผมไปสอนเหรอ ใช้คำนางสนองพระโอษฐ์ซะด้วย”
“อย่ามากวนพี่นะ พชร เมนส์ไม่มา อารมณ์เสีย” เธอพูดก่อนที่จะกลับไปจมกับกองสมุดการบ้านต่อ
ผ่านไปหนึ่งเดือนก็มีข่าวคราวอันโอชะมาให้ครูในโรงเรียน “เฌอคู่วิทยา”เล่าเป็นกับแกล้มกันอีก คือ ทุกเช้าและเย็นจะต้องเห็นครูฝนซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ครูบุ๊งทุกครั้ง ครูบุ๊งเองดูเหมือนจะภูมิใจมากบีบแตรทักทายครูวิชาญซึ่งทำหน้าที่เวรพานักเรียนข้ามถนนในตอนเย็นโดยที่ท้ายรถตัวเองมีครูฝนซ้อนท้ายอยู่ในเย็นวันหนึ่ง
“เฮ้อ...ไอ้บุ๊งคาบไปแดกซะแล้ว” ครูวิชาญรำพึงกับตัวเองเบาๆ
ที่โรงอาหาร ครูแต้วก็ยังควบคุมแถวการรับประทานอาหารของนักเรียนให้เป็นระเบียบเรียบร้อยเหมือนเดิม ครูต้อมซึ่งกำลังยกถาดอาหารเที่ยงเข้าไปให้ ผ.อ.รับประทานในห้องรี่เข้ามาหากลุ่มครูที่นั่งกินข้าวเที่ยงกันอยู่
“เมาท์ค่ะเมาท์ รู้ข่าวครูฝนกับครูบุ๊งหรือยังจ๊ะ”
“อุ๊ย...แม่คุณ เค้ารู้กันแล้วล่ะจ๊ะ แต่ฉันก็ไม่ค่อยรู้อะไรมากหรอก หล่อนล่ะมีอะไรก็บอกมาเหอะ ฉันรู้ว่าหล่อนน่ะคันปากขนาดไหน” ครูสมรจีบปากจีบคอพูด
“นั่นน่ะสิ พี่ว่ามันทะแม่งๆยังไงไม่รู้ ก็ครูบุ๊งแกมีแฟนแล้วนี่ แถมดุด้วย เรื่องคราวน้องผิงยังไม่เข็ดอีกเหรอนี่ นี่มาน้องฝนอีก” ครูกรรณิการ์ช่วยเสริมคำของครูสมร
“สันดานผู้ชายก็แบบนี้แหละค่ะ ถามฉันสิ ฉันรู้ทั้งนั้นแหละ พอชั่วโมงว่างปุ๊บ หรือนักเรียนออกจากห้องคอมพ์ปั๊บก็รีบเดินไปที่ห้องคอมพ์แล้วปิดประตูเงียบฉี่ แถมเสาร์อาทิตย์ยังไปรับถึงบ้านเช่า พาไปดูหนัง อยู่กันสองต่อสอง แล้วเธอว่าจะไปถึงไหนแล้วล่ะยะ” ครูต้อมซุบซิบแถมท้ายด้วยหัวเราะอย่างสนุกสนาน
“ก็ถึงสวรรค์น่ะสิยะ แหม...ครูต้อมนี่เกาะติดทุกสถานการณ์จริงๆนะยะ อุ๊ย!โน่นน้องฝนมาแล้ว เงียบๆก่อนเหอะ” ครูสมรหันกลับมากินข้าวหมกไก่ต่อ ส่วนครูต้อมก็รีบยกถาดอาหารเที่ยงไปที่ห้อง ผ.อ.
ครูฝนรู้สึกได้ถึงบรรยากาศแปลกๆตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ทั้งครูผู้หญิงและครูผู้ชายที่จะหันมามองเธอแล้วกลับไปคุยกันเบาๆ แต่ครูบุ๊งก็ยังเทียวรับเทียวส่งและไปไหนมาไหนกับครูฝนเช่นเดิม
“นี่คอยดูนะพี่แต้วว่าเดี๋ยวน้องลักษมี แฟนครูบุ๊งต้องตามมาราวีครูฝนแน่นอน เชื่อริสาสิ” วันนี้ครูริสาซึ่งสอนคณิตศาสตร์ชั้น ป.๔ เสร็จแวะมาหาครูแต้วที่ห้องพักครูชั้น ป.๖
“น้องริสาก็ ทำไมมองโลกในแง่ร้ายอย่างนั้นล่ะ พี่ว่าเรื่องอย่างนี้ตบมือข้างเดียวไม่ดังหรอก” ครูแต้วหยิบเครื่องดื่มผสมงาดำขึ้นมาดื่มก่อนที่จะออกไปสอนนักเรียนต่อ
และแล้ววันที่ครูริสาทำนายไว้ก็มาถึง หลังจากที่การประชุมประจำสัปดาห์ของหัวหน้ากลุ่มสาระเสร็จสิ้น ครูบุ๊งก็เดินเข้าไปเอารถจักรยานยนต์ที่โรงจอดรถมารับครูฝนที่รออยู่ใต้ต้นอโศกหน้าอาคารหนึ่ง แต่ก่อนที่ครูบุ๊งจะออกรถเพื่อไปส่งครูฝนที่บ้าน รถยนต์คันใหญ่ก็มาจอดตรงหน้ารถจักรยานยนต์ของครูบุ๊ง คล้ายจงใจจะเหยียบขยี้ให้ตายกันไปทีเดียว
“ไงล่ะไอ้บุ๊ง จับได้คาหนังคาเขาเลยนะ คราวนี้จะว่ายังไง มานี่ขอตบอีหน้าด้านนี่หน่อยซิ” พูดจบหญิงสาวท่าทางปราดเปรียวก็กระชากแขนครูฝนลงจากรถจักรยานยนต์
เสียงตบดังฉาดลงที่แก้มครูฝนอย่างแรง “ไงล่ะ หน้าด้านนักใช่ไหม ถึงได้มาแย่งผัวชาวบ้าน ผู้ชายมีตั้งมากมาย ทำไมไม่มีปัญญาจับหรือไง เหรอว่าชอบปีนต้นงิ้ว” เสียงตบอีกฉาดใหญ่ดังขึ้นอีกครั้ง
ครูฝนด้วยความตื่นตระหนก เมื่อได้สติเธอก็รีบสะบัดข้อมือที่ลักษมีจับไว้แน่นแล้ววิ่งไปหลบในห้องประชาสัมพันธ์ทันที ครูดาวเห็นเหตุการณ์รีบดึงแขนครูฝนให้เข้าไปหลบใต้โต๊ะทำงานของเธอ
“นี่ ลักษมี เธอไม่ให้เกียรติผมบ้างเลยเหรอ นี่โรงเรียนนะ แล้วผมจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน” ครูบุ๊งจับข้อมือของแฟนสาวไว้
“ก็เอาไปซุกใต้กระโปรงอีนังนั่นก็ได้นี่ ชอบไม่ใช่เหรอ ฉันว่าแล้วว่ามันแปลกๆ ฉันมานั่งที่ร้านข้าวแกงหน้าโรงเรียนเป็นอาทิตย์แล้ว แกไม่สังเกตบ้างเหรอ ไอ้บุ๊ง” ลักษมีเลือดขึ้นหน้า เธอใช้ถ้อยคำต่อว่าแฟนหนุ่มดังลั่น ดีที่ว่าเป็นเวลาหลังเลิกเรียนแล้วจึงมีนักเรียนบางตา แต่ที่หน้าต่างห้องพักครูปรากฏศีรษะของครูโรงเรียน “เฌอคู่วิทยา”โผล่ออกมาเกือบทุกบาน ไม่เว้นแม้แต่ม่านสีกรมท่าในห้องส่วนตัวของ ผ.อ.จิ๋มก็ปรากฏมือแง้มออกมาดู
“ไหนมันไปไหนแล้วล่ะ แน่จริงก็มาสู้กันซึ่งๆหน้าสิ ตอนทำไม่อาย พอตอนนี้ทำมาเป็นหน้าบาง ออกมานะ อีดอกทอง” เสียงลักษมีดังเข้าไปในห้องประชาสัมพันธ์ ครูฝนนั่งเอามืออุดหูตัวสั่นอยู่ใต้โต๊ะทำงานของครูดาว ครูกรรณิการ์ที่อยู่ในห้องวิชาการเดินเข้ามากระซิบกับครูดาวเบาๆ
“อย่าให้น้องเค้าออกมาก่อนนะ ไม่งั้นเป็นเรื่องใหญ่แน่” ครูดาวรับคำและกลับเข้าไปล็อกห้องประชาสัมพันธ์ไว้
เช้าวันรุ่งขึ้น ครูบุ๊งกับครูฝนก็ถูกเรียกตัวเข้าไปพบ ผ.อ.จิ๋มตั้งแต่เช้า ครูคนอื่นๆรู้ดีว่าอะไรจะเกิดขึ้น วันนี้ที่ร้านป้าพะยอมมีกับแกล้มรสเด็ดอีกแล้ว
“ครูคะ เห็นว่าเมื่อวานแฟนครูบุ๊งมาอาละวาดครูคอมพ์คนใหม่จริงเหรอคะ” ป้าพะยอมยกแก้วชาเย็นให้ครูสุชาวดี
“ป้าพะยอมรู้ได้ไงล่ะ” ครูสุชาวดีแกล้งทำเป็นถาม
“ก็ไอ้เพียวลูกป้ามันเล่นอยู่ใต้ลานโพพอดีแล้วเห็นน่ะค่ะ นี่พวกแม่ค้าหน้าโรงเรียนเค้าก็เห็นกันทั้งนั้นนะคะ เป็นทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์ เช้านี้เลยนะคะ” ป้าพะยอมเอาถาดผักจิ้มกับน้ำพริกมาให้ที่โต๊ะของครูสุชาวดี
“ก็สมน้ำหน้ามันแล้วนี่ ไอ้บุ๊งน่ะ มีแฟนเป็นตัวเป็นตนอยู่แล้วแถมดุอีกต่างหาก เกิดเรื่องครั้งหนึ่งแล้วยังไม่เข็ดก็สมควรล่ะ” ครูวิชาญพูดด้วยน้ำเสียงสะใจ ครูโรจน์ที่นั่งข้างๆจึงแกล้งหยั่งเชิงต่อ
“ที่พูดแบบนี้เพราะอิจฉาไอ้บุ๊งมันใช่ไหมล่ะ พี่วิชาญ โถ...พี่น่ะจะห้าสิบแล้วนะ เด็กมันไม่มองหรอก ต้องหนุ่มแน่นอย่างไอ้บุ๊งโน่น สาวถึงจะชอบ”
ครูวิชาญไม่พูดอะไรก้มหน้าก้มตากินข้าวแกงต่อ แต่ครูโรจน์สังเกตเห็นมือของครูวิชาญกำช้อนไว้แน่น
ครูฝนไม่ได้มาสอนหนึ่งอาทิตย์ ผ.อ.จิ๋มจึงเรียกครูวิชาญ หัวหน้าสายชั้นป.๕ กับครูปุ๊ หัวหน้าสายชั้นป.๖ เข้าไปพบที่ห้องส่วนตัว
“ผ.อ.ตัดสินใจให้ครูฝนย้ายไปสอนที่โรงเรียนอีกโรงหนึ่งแล้ว และกำลังขอครูคอมพิวเตอร์มาแทนครูฝน ระหว่างนี้วิชาญกับปุ๊ก็จัดครูสอนแทนไปก่อนนะ ไม่ต้องให้เด็กมาที่ห้องคอมพิวเตอร์เพราะไม่มีใครดูแล ครูวิรุณที่สอนคอมพ์ ป.๑ ป.๒ กับครูเจนสุดาที่สอนคอมพ์ ป.๓ ป.๔ เค้าก็มีชั่วโมงสอนหนักพอแล้ว คิดว่าเดือนหน้าครูใหม่ก็คงจะมา” ผ.อ.จิ๋มยกแก้วกาแฟขึ้นดื่ม ครูวิชาญถามด้วยความสงสัยขึ้นมาว่า
“แล้วเรื่องของครูบุ๊งล่ะครับ” ผ.อ.จิ๋มยิ้มแต่ก็ไม่ได้ตอบอะไร
ผ่านไปหนึ่งเดือนที่โต๊ะของครูแต้วก็มีซองสีชมพูวางไว้ ครูแต้ววางกระเป๋าเอกสารลงที่เก้าอี้ก่อนที่จะหยิบซองนั้นขึ้นมาพิจารณา
“นี่การ์ดแต่งงานใครอีกล่ะ พชร เดือนนี้พี่ได้มาสามงานแล้วนะ หมดกันเงินเดือนพี่ กะว่าจะเอาไปซื้อตุ้มหูซะหน่อย”
ครูพชรที่กำลังนั่งเช็คเมลล์อยู่ที่เครื่องคอมพิวเตอร์ของสายชั้นหันมาตอบอย่างหงุดหงิด
“ก็งานแต่งของครูบุ๊งกับลักษมีน่ะสิ ก็วันนั้น ผ.อ.ถามว่า ครูบุ๊งน่ะจะเลือกใคร การที่ทำแบบนี้มันไม่ใช่ตัวอย่างที่ดีของคนเป็นครู และมันเป็นการทำลายชื่อเสียงของผู้หญิงทั้งคู่ด้วย จะทำอะไรก็ให้มันถูกต้องตามประเพณี เข้าตามตรอกออกตามประตู อย่าจับปลาสองมือ และนี่ก็คือคำตอบไงล่ะครับ”
ครูพชรหันกลับไปที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ต่อ ครูแต้วเปิดซองสีชมพูดูรายละเอียดบนการ์ดแต่งงานที่มีรูปของคู่บ่าวสาวส่งยิ้มหวานมาที่เธอ
( ชื่อตัวละครและเรื่องราวนี้เป็นแต่เรื่องสมมติขึ้นมาทั้งสิ้น ไม่ได้มีเจตนาพาดพิงถึงผู้ใด หากได้ล่วงเกินแก่ใครก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ )
( โปรดติดตามตอนต่อไป )
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น