ห้องประชุมโรงเรียน “เฌอคู่วิทยา”มีหัวหน้ากลุ่มสาระทั้ง ๘ สาระและหัวหน้าสายชั้นทั้ง ๖ สายชั้นนั่งคุยกันเสียงขรม โดยมีครูกรรณิการ์ หัวหน้างานวิชาการนั่งดูกระดาษสองสามแผ่นในมืออย่างไม่สนใจครูคนอื่นๆ
“มากันครบหรือยัง” ผ.อ.จิ๋มชะโงกหน้าเข้ามาในห้องประชุม ครูทั้งหมดเงียบโดยอัตโนมัติ
“ครบแล้วค่ะ ผ.อ.” ครูกรรณิการ์หันมาที่ผู้อำนวยการโรงเรียน
“แล้วทำไมไม่เข้าไปตามฉัน แย่จริงๆเลย ไม่รู้จักสัมมาคารวะกันบ้างเลย” ผ.อ.จิ๋มตวาดใส่หัวหน้างานวิชาการที่นั่งหน้าจ๋อยในทันที ก่อนที่จะพาร่างอันอุ้ยอ้ายนั่งลงบนเก้าอี้ประธานการประชุม มีครูต้อมนำน้ำขิงอุ่นๆตามเข้ามาเสิร์ฟก่อนที่จะเดินออกไป
“ที่ดิฉันเชิญทุกคนมาประชุมในวันนี้เพราะว่าอีกไม่นาน สมศ.ก็จะเข้ามาประเมินโรงเรียนแล้ว เราจำเป็นจะต้องเตรียมตัวให้พร้อม เริ่มจากทุกคนต้องมีแผนการสอนที่เป็นปัจจุบันและย้อนหลังสามปี และต้องมี
ตารางสอน
ตารางเวรสวัสดิการประจำวัน เช่น ยืนหน้าประตูโรงเรียน , รักษาความสะอาดบริเวณที่ได้รับมอบหมาย
ตารางสำรวจจำนวนนักเรียนที่มาโรงเรียนสาย
ตารางสำรวจนักเรียนที่ไม่รับประทานอาหารเช้าและเที่ยง
ตารางสำรวจนักเรียนเล็บยาว ,ผมยาว,แต่งกายไม่เรียบร้อย
ตารางตรวจสุขภาพในช่องปาก ว่ามีฟันผุกี่ซี่ ซี่ไหนบ้าง มีคราบหินปูนกี่ซี่ โรคเหงือกกี่คน
ตารางบันทึกพฤติกรรมนักเรียน
ตารางสำรวจนักเรียนแปรงฟันหลังรับประทานอาหารเที่ยง
ตารางประเมินนักเรียนทั้งการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน
ตารางประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (สำรวจแม้กระทั่งการใช้ห้องสุขาของนักเรียน)
ตารางบันทึกจำนวนสถิติการป่วย ลา ขาด ของนักเรียน (ต้องโทรศัพท์เช็คทุกครั้งที่นักเรียนขาด)
ตารางบันทึกการทำความดีของนักเรียน
ตารางบันทึกการอบรมคุณธรรม-จริยธรรม
ตารางบันทึกการทำเวรต่างๆของนักเรียน
ตารางการทำความสะอาดบริเวณโรงเรียนที่รับผิดชอบของนักเรียน
ตาราง/แผนผังแสดงการเดินทาง/ที่ตั้งบ้านที่อยู่อาศัยของนักเรียน
ตารางสำรวจความเป็นอยู่ของครอบครัวนักเรียน เช่น พ่อแม่อยู่ด้วยกัน , พ่อแม่หย่าร้าง , อยู่กับพ่อหรือแม่ , อยู่กับบุคคลอื่น , ฯลฯ
ตารางประเมินต่างๆในการสอน บางครั้งใน ๑ ชั่วโมงครูอาจต้องบันทึกถึง ๓ ตารางเลย เช่น ตารางบันทึกคะแนน , ตารางการประเมินทักษะกระบวนการกลุ่ม , ตารางวัดเจตคติในชั่วโมงนั้นๆตามจุดประสงค์การเรียนรู้
..................................................................................................” จากนั้นก็มีรายชื่อตารางอีกสารพัดตามแต่ที่ผู้อำนวยการโรงเรียนจะสามารถนึกออกได้ สร้างความงุนงงแก่ครูที่นั่งฟังในห้องประชุมอย่างยิ่งก่อนที่จะจบประโยคว่า “เข้าใจไหม” จากนั้นผ.อ.จิ๋มก็ยกแก้วน้ำขิงซึ่งเย็นชืดแล้วขึ้นจิบ
“แต่ผ.อ.คะ หนูว่าบางตารางและบางหัวข้อที่ ผ.อ.กล่าวมามันซ้ำซ้อนกันนะคะ หนูเกรงว่าเราจะทำไม่ทันและอาจส่งผลกระทบต่อการเรียนได้” ครูมัทนา หัวหน้าสายชั้น ป.๔ ยกมือขึ้นแย้ง
“ไม่รู้ ทำยังไงก็ได้ให้มันมีขึ้นมา อย่าให้ผลการประเมินโรงเรียนเราต่ำเป็นอันขาด อ้อ...แล้วจำการประชุมเมื่อตอนเปิดเทอมใหม่ๆได้ไหม ที่ผ.อ.เคยบอกว่า จะต้องปรับผลสัมฤทธิ์แต่ละวิชาให้สูงกว่าเดิม จัดการหรือยัง แล้วนี่ผู้ช่วยฯเครือวัลย์หายไปไหนน่ะ” ผู้อำนวยการไม่ได้สนใจคำโต้แย้งของครูมัทนาเลย และเพิ่งฉุกคิดได้ว่าลืมเรียกผู้ช่วยฯฝ่ายวิชาการมารับทราบด้วย
“ประชุมอะไรกันคะ ผ.อ.” ผู้ช่วยฯเครือวัลย์ยื่นหน้าเข้ามาในห้องประชุมทันทีเมื่อผ.อ.จิ๋มกล่าวจบ
“มาพอดี เรื่องของเธอนั่นแหละ มานั่งฟังตรงนี้เลย” ผ.อ.จิ๋มส่งสายตาเชิงรำคาญไปยังผู้ช่วยฯฝ่ายวิชาการ แม้ผู้อำนวยการจะบอกว่าเป็นเรื่องของผู้ช่วยฯเครือวัลย์ แต่ดูเหมือนคนที่เจ้ากี้เจ้าการกว่าเพื่อนก็คือตัวผ.อ.จิ๋มนั่นเอง
การประชุมดำเนินต่อไป ครูพชรนั่งมองนาฬิกาติดผนังเรือนโตที่เข็มยาวเวียนมาพบเลขหกเป็นรอบที่สามแล้ว
“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผ.อ.ก็ขอให้ทั้งหัวหน้าสายชั้นและหัวหน้ากลุ่มสาระไปดำเนินการประชุมและรวบรวมเอกสารหลักฐานต่างๆให้เสร็จเรียบร้อยส่งให้ผู้ช่วยฯเครือวัลย์ตรวจและรายงานผ.อ.ภายในวันศุกร์นี้ เข้าใจไหม”
ทั้งหมดทยอยออกจากห้องประชุมและตรงไปที่โรงอาหารทันที ครูแต้วรีบตรงดิ่งไปปฏิบัติหน้าที่อย่างเคร่งครัดตามปกติ
“แล้วเราจะทำยังไงดีล่ะ พี่นา” ครูแอ้ถามหัวหน้าสายชั้นของตัวเองที่นั่งหน้างออยู่หน้าจานข้าวผัดกุนเชียง
“ไม่รู้เหมือนกัน แอ้ พี่งงไปหมดเลย วันก่อนประชุมบอกอย่างหนึ่ง พอมาวันนี้ก็บอกให้ปฏิบัติอีกอย่าง พี่ก็ทำไม่ถูกเหมือนกัน”
ครูสมรได้ทีก็พลอยผสมโรงเข้ามาทันที “เป็นครูมาหลายสิบปี เหนื่อยที่สุดก็ตั้งแต่สมัยปฏิรูปการศึกษานี่แหละ แล้วน้องลองดูนักเรียนโรงเรียนเราสิ มันพวกเหลือขอทั้งนั้น อย่าว่าแต่อ่าน คิด วิเคราะห์เลย ให้มันท่องและเขียนกอไก่ถึงฮอนกฮูกให้ได้ก่อนเหอะ ครูภาษาไทยนี่ล่ะตัวดีนัก”
ครูพชรที่กำลังซดน้ำซุปอย่างเอร็ดอร่อยละจากจานข้าวผัดรสโอชะทันที “ใครสอนเก่งนักก็ลองมาสอนสิ วิชาภาษาไทยน่ะ ก็อยากรู้เหมือนกันว่าไอ้ที่บอกว่ามีเทคนิคดีๆน่ะ ไม่เห็นเอาไปใช้กับเด็กตัวเองบ้างล่ะ พอขึ้นมาป.๖เห็นอ่านไม่ออกทั้งเพ”
ครูกิ่งแก้วที่นั่งข้างครูสมรรีบปรามครูพชรอย่างฉับพลัน “ไปพูดกับพี่เค้าอย่างนี้ได้ไง เค้าน่ะรุ่นแม่เธอแล้วนะ ไม่ดีเลย พชร”
“ใครดัดจริตฟังไม่ได้ก็ไม่ต้องฟังสิ พูดเรื่องจริงแล้วรับไม่ได้ ไอ้พวกชอบหลอกตัวเอง ยกหางตัวเอง น่ารำคาญ” ครูพชรลุกขึ้นก่อนจะเอาจานข้าวไปเก็บแล้วเดินออกจากที่นั่น
และวันนัดหมายส่งเอกสารหลักฐานต่างๆก็มาถึง ผู้ช่วยฯเครือวัลย์ ครูกรรณิการ์และครูสุชาวดีช่วยกันลงทะเบียนเอกสารที่กองท่วมหัวบนโต๊ะในห้องวิชาการอย่างขยันขันแข็ง ตลอดสัปดาห์ครูโรงเรียน “เฌอคู่วิทยา”ต้องรีบเร่งในการสร้างหลักฐานกันจ้าละหวั่น แล้วแต่เทคนิคของแต่ละบุคคล สงสารก็แต่ครูรุ่นสงครามโลกที่ต้องจ้างร้านพิมพ์งานหน้าโรงเรียนหรือไหว้วานลูกหลานให้ช่วยพิมพ์งานด้วยคอมพิวเตอร์ บางคนอดหลับอดนอนจนสอนผิดๆถูกๆไปเลยก็มี
แต่ที่น่าสงสารที่สุดคือ นักเรียนที่ต้องรับภาระงานต่างๆที่ครูต้องนำไปส่ง ผ.อ. เพราะการสอนที่เป็นไปอย่างเรื่อยเปื่อย และไม่ได้เก็บผลงานไว้อย่างเป็นระบบ ทำให้นักเรียนหลายห้องต้องทำโครงงานพร้อมกันถึง ๘ เล่มครบตามสาระวิชา มีการสอบประเมินสารพัดในแต่ละชั่วโมง การสร้างรูปภาพไว้เป็นหลักฐานจนร้านล้างอัดรูปแทบจะไม่มีเวลาว่าง เมื่อถึงชั่วโมงว่างของครูคนใดจากเดิมที่ครูผู้ชายจะไปรวมกลุ่มกันที่ศาลาเล็กใต้ลานโพ ครูผู้หญิงก็นั่งกินของกระจุกกระจิกกันในห้องพักครู กลายเป็นว่าทุกคนต่างมุ่งตรงไปพิมพ์งานกันที่ห้องคอมพิวเตอร์โรงเรียน พรินท์งานจนครูคอมพิวเตอร์ประจำห้องมองกันตาเขียว
“พี่ดาวครับ รบกวนช่วยเอากระดาษมาเองนะครับ อาทิตย์นี้ผมหมดกระดาษเอสี่ไปหลายรีมแล้ว” ครูวิรุณที่ประจำห้องคอมพิวเตอร์นักเรียนชั้น ป.๑-๒ พูดด้วยความเกรงใจ
“จ้ะ แล้วนี่พี่สั่งพรินท์แล้วทำไมไม่ติดล่ะ” ครูดางตระหนกเมื่อเห็นกระดาษเปล่าออกมาจากเครื่องพิมพ์
“สงสัยหมึกหมดแล้วพี่” ครูวิรุณพูดเสียงอ่อยๆ
“ดีนะที่เรามีโน้ตบุ๊คไม่ต้องไปแย่งกับคนอื่น” ครูพชรนั่งพิมพ์งานอย่างเร่งรีบที่โต๊ะตัวเอง
“ทำอะไรกัน เด็กๆก็เผื่อพี่หนึ่งชุดด้วยนะ” เสียงครูต้อมที่เดินผ่านห้องพักครูแว่วเข้ามา ดีที่แกไม่เห็นครูพชรนั่งเบ้ปากให้ ไม่เช่นนั้นคงคาบไปฟ้อง ผ.อ.จิ๋มอีก
“ทำไมจะต้องไปง้อไอ้พวก สมศ.มันด้วยนะ ทำไมล่ะ ถ้าประเมินไม่ผ่านแล้วมันจะสั่งปิดโรงเรียนเหรอไง” ครูจินดาบ่นพลางบันทึกแผนการสอนของตัวเองไปพลาง
“อุ๊ย...ไม่ได้หรอกค่ะ ก็ผ.อ.เราเค้าเก่งนี่คะ ได้รับรางวัลผู้บริหารดีเด่นจากหลายสถาบันแล้ว เกียรติยศมันค้ำคอค่ะ นั่งบนหลังช้างแล้ว ไม่ย่างลงหลังหมาหรอกค่ะ” ครูมัทนาพูดแกมหมั่นไส้กับผู้บริหารโรงเรียน
“นี่พี่คะได้ข่าวการเปลี่ยนแบบฟอร์มบันทึกหลังสอนแล้วก็ตารางอีกสารพัดไหมคะ” ครูแอ้วิ่งกระหืดกระหอบมาที่โต๊ะของครูรุ่นป้าทั้งคู่
“อะไรนะ” ครูมัทนาและครูจินดาถามพร้อมกัน
ครูแอ้ลากเก้าอี้มานั่งก่อนจะเล่าเรื่องราวให้ทั้งคู่ฟัง
“ก็ผ.อ.แกเกิดปิ๊งไอเดียอะไรขึ้นมาไม่รู้ บอกว่าหลักฐานต่างๆของโรงเรียนเราไม่เป็นไปตามมาตรฐานของ สมศ. ต้องมีการปรับตารางและเอกสารใหม่หมดทั้งแผนการสอน .................”ครูแอ้จาระไนเอกสารต่างๆที่ครูทั้งโรงเรียนเพิ่งจะรวบรวมเสร็จเรียบร้อยและส่งให้ฝ่ายวิชาการไปแล้ว
“บ้า บ้าที่สุด ฉันเป็นครูนะ เค้าให้มาสอนนักเรียนไม่ใช่ให้มาสร้างหลักฐานจอมปลอม ให้สวยหรูทั้งที่มีเด็กไร้คุณภาพอยู่เต็มโรงเรียนนะ เวทนาจริง การศึกษาไทย” ครูมัทนาวางปากกาที่กำลังบันทึกแผนการสอนและเอนหลังบนพนักพิงอย่างเบื่อหน่าย
“เอ้า..ทุกคนมารับแบบฟอร์มใหม่กันเร็ว” ครูปุ๊ หัวหน้าสายชั้น ป.๖ เอาแบบฟอร์มรูปแบบใหม่มาแจกให้ครูในสายชั้น
“แบบฟอร์มฉบับใหม่ล่าสุด ณ เวลานี้ใช่ไหมคะ พี่ปุ๊” ครูริสาถามแกมประชดประชัน
“สิ่งใดเจ้าว่างามต้องตามเจ้า มีใครเล่าจะไม่งามตามเสด็จนะพี่ริสา” ครูพชรยกกลอนในอิศรญาณภาษิตขึ้นมาพูดในขณะที่มือก็กำลังปรับปรุงเปลี่ยนแปลงแผนการสอนสำเร็จรูปที่มีขายในท้องตลาดให้เป็นรูปแบบของตนเองอยู่
“แล้วผู้ช่วยฯเครือวัลย์ไม่พูดอะไรบ้างเหรอ” ครูแต้วถาม
“จะพูดอะไรได้ล่ะ ถูกผ.อ.ยึดอำนาจฝ่ายวิชาการไปเรียบร้อยแล้ว อยู่ที่นี่มาหลายปีไม่รู้อีกเหรอว่า คนที่ชี้เป็นชี้ตายในโรงเรียนน่ะก็มีแต่แม่ซูสีไทเฮาที่คอยบัญชาการอยู่ในห้องเย็นนั่นน่ะแหละ” ครูริสาบุ้ยปากไปทางอาคารเรียนหนึ่งซึ่งเป็นตึกอำนวยการของโรงเรียน
เช้าวันต่อมา เสียงเพลงมาร์ชโรงเรียนดังเป็นรอบที่สอง ครูพชรเดินมาเซ็นชื่อลงเวลาปฏิบัติราชการและเหลือบไปเห็นกองเอกสารสองสามกองตั้งอยู่ มีป้ายบอกว่า “เชิญรับคนละ ๑ ชุด” ติดไว้
“อะไรอีกล่ะ พี่กุ๊ก” ครูพชรถามเหมือนจะมีลางสังหรณ์แปลกๆอีก
“แบบฟอร์มฉบับใหม่ล่าสุดของวันนี้จ้ะ น้องพชร” ครูกุ๊กส่งยิ้มให้พร้อมทั้งหยิบเอกสารแต่ละชุดให้ครูหนุ่ม
“แล้วที่พี่ปุ๊เอาไปแจกให้ที่สายชั้นแล้วบอกว่าจะรวบรวมส่งวันนี้ล่ะครับ” พชรทำท่าล้วงลงไปในแฟ้มเอกสารของตัวเอง
“แบบฟอร์มนั้นยกเลิกไปแล้วล่ะจ้ะ อันนี้ ผ.อ.เพิ่งโทร.ให้พี่ออกแบบตารางเมื่อคืนและรีบมาก๊อปปี้พรินท์แจกครูภายในเช้าวันนี้จ้ะ อ้อ...ส่งภายในวันนี้ก่อนสี่โมงเย็นด้วยนะจ๊ะ”
ครูพชรเดินหัวเสียไปยังห้องพักครูสายชั้น ป.๖ ในมือที่ถือแบบฟอร์มที่รับแจกจากพี่ปุ๊เมื่อวานนั้นเขาก็จับฉีกแล้วขยำขยี้อย่างหนำใจก่อนที่จะโยนลงในถังขยะ
( ชื่อตัวละครและเรื่องราวนี้เป็นแต่เรื่องสมมติขึ้นมาทั้งสิ้น ไม่ได้มีเจตนาพาดพิงถึงผู้ใด หากได้ล่วงเกินแก่ใครก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ )
( โปรดติดตามตอนต่อไป )
“มากันครบหรือยัง” ผ.อ.จิ๋มชะโงกหน้าเข้ามาในห้องประชุม ครูทั้งหมดเงียบโดยอัตโนมัติ
“ครบแล้วค่ะ ผ.อ.” ครูกรรณิการ์หันมาที่ผู้อำนวยการโรงเรียน
“แล้วทำไมไม่เข้าไปตามฉัน แย่จริงๆเลย ไม่รู้จักสัมมาคารวะกันบ้างเลย” ผ.อ.จิ๋มตวาดใส่หัวหน้างานวิชาการที่นั่งหน้าจ๋อยในทันที ก่อนที่จะพาร่างอันอุ้ยอ้ายนั่งลงบนเก้าอี้ประธานการประชุม มีครูต้อมนำน้ำขิงอุ่นๆตามเข้ามาเสิร์ฟก่อนที่จะเดินออกไป
“ที่ดิฉันเชิญทุกคนมาประชุมในวันนี้เพราะว่าอีกไม่นาน สมศ.ก็จะเข้ามาประเมินโรงเรียนแล้ว เราจำเป็นจะต้องเตรียมตัวให้พร้อม เริ่มจากทุกคนต้องมีแผนการสอนที่เป็นปัจจุบันและย้อนหลังสามปี และต้องมี
ตารางสอน
ตารางเวรสวัสดิการประจำวัน เช่น ยืนหน้าประตูโรงเรียน , รักษาความสะอาดบริเวณที่ได้รับมอบหมาย
ตารางสำรวจจำนวนนักเรียนที่มาโรงเรียนสาย
ตารางสำรวจนักเรียนที่ไม่รับประทานอาหารเช้าและเที่ยง
ตารางสำรวจนักเรียนเล็บยาว ,ผมยาว,แต่งกายไม่เรียบร้อย
ตารางตรวจสุขภาพในช่องปาก ว่ามีฟันผุกี่ซี่ ซี่ไหนบ้าง มีคราบหินปูนกี่ซี่ โรคเหงือกกี่คน
ตารางบันทึกพฤติกรรมนักเรียน
ตารางสำรวจนักเรียนแปรงฟันหลังรับประทานอาหารเที่ยง
ตารางประเมินนักเรียนทั้งการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน
ตารางประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (สำรวจแม้กระทั่งการใช้ห้องสุขาของนักเรียน)
ตารางบันทึกจำนวนสถิติการป่วย ลา ขาด ของนักเรียน (ต้องโทรศัพท์เช็คทุกครั้งที่นักเรียนขาด)
ตารางบันทึกการทำความดีของนักเรียน
ตารางบันทึกการอบรมคุณธรรม-จริยธรรม
ตารางบันทึกการทำเวรต่างๆของนักเรียน
ตารางการทำความสะอาดบริเวณโรงเรียนที่รับผิดชอบของนักเรียน
ตาราง/แผนผังแสดงการเดินทาง/ที่ตั้งบ้านที่อยู่อาศัยของนักเรียน
ตารางสำรวจความเป็นอยู่ของครอบครัวนักเรียน เช่น พ่อแม่อยู่ด้วยกัน , พ่อแม่หย่าร้าง , อยู่กับพ่อหรือแม่ , อยู่กับบุคคลอื่น , ฯลฯ
ตารางประเมินต่างๆในการสอน บางครั้งใน ๑ ชั่วโมงครูอาจต้องบันทึกถึง ๓ ตารางเลย เช่น ตารางบันทึกคะแนน , ตารางการประเมินทักษะกระบวนการกลุ่ม , ตารางวัดเจตคติในชั่วโมงนั้นๆตามจุดประสงค์การเรียนรู้
..................................................................................................” จากนั้นก็มีรายชื่อตารางอีกสารพัดตามแต่ที่ผู้อำนวยการโรงเรียนจะสามารถนึกออกได้ สร้างความงุนงงแก่ครูที่นั่งฟังในห้องประชุมอย่างยิ่งก่อนที่จะจบประโยคว่า “เข้าใจไหม” จากนั้นผ.อ.จิ๋มก็ยกแก้วน้ำขิงซึ่งเย็นชืดแล้วขึ้นจิบ
“แต่ผ.อ.คะ หนูว่าบางตารางและบางหัวข้อที่ ผ.อ.กล่าวมามันซ้ำซ้อนกันนะคะ หนูเกรงว่าเราจะทำไม่ทันและอาจส่งผลกระทบต่อการเรียนได้” ครูมัทนา หัวหน้าสายชั้น ป.๔ ยกมือขึ้นแย้ง
“ไม่รู้ ทำยังไงก็ได้ให้มันมีขึ้นมา อย่าให้ผลการประเมินโรงเรียนเราต่ำเป็นอันขาด อ้อ...แล้วจำการประชุมเมื่อตอนเปิดเทอมใหม่ๆได้ไหม ที่ผ.อ.เคยบอกว่า จะต้องปรับผลสัมฤทธิ์แต่ละวิชาให้สูงกว่าเดิม จัดการหรือยัง แล้วนี่ผู้ช่วยฯเครือวัลย์หายไปไหนน่ะ” ผู้อำนวยการไม่ได้สนใจคำโต้แย้งของครูมัทนาเลย และเพิ่งฉุกคิดได้ว่าลืมเรียกผู้ช่วยฯฝ่ายวิชาการมารับทราบด้วย
“ประชุมอะไรกันคะ ผ.อ.” ผู้ช่วยฯเครือวัลย์ยื่นหน้าเข้ามาในห้องประชุมทันทีเมื่อผ.อ.จิ๋มกล่าวจบ
“มาพอดี เรื่องของเธอนั่นแหละ มานั่งฟังตรงนี้เลย” ผ.อ.จิ๋มส่งสายตาเชิงรำคาญไปยังผู้ช่วยฯฝ่ายวิชาการ แม้ผู้อำนวยการจะบอกว่าเป็นเรื่องของผู้ช่วยฯเครือวัลย์ แต่ดูเหมือนคนที่เจ้ากี้เจ้าการกว่าเพื่อนก็คือตัวผ.อ.จิ๋มนั่นเอง
การประชุมดำเนินต่อไป ครูพชรนั่งมองนาฬิกาติดผนังเรือนโตที่เข็มยาวเวียนมาพบเลขหกเป็นรอบที่สามแล้ว
“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผ.อ.ก็ขอให้ทั้งหัวหน้าสายชั้นและหัวหน้ากลุ่มสาระไปดำเนินการประชุมและรวบรวมเอกสารหลักฐานต่างๆให้เสร็จเรียบร้อยส่งให้ผู้ช่วยฯเครือวัลย์ตรวจและรายงานผ.อ.ภายในวันศุกร์นี้ เข้าใจไหม”
ทั้งหมดทยอยออกจากห้องประชุมและตรงไปที่โรงอาหารทันที ครูแต้วรีบตรงดิ่งไปปฏิบัติหน้าที่อย่างเคร่งครัดตามปกติ
“แล้วเราจะทำยังไงดีล่ะ พี่นา” ครูแอ้ถามหัวหน้าสายชั้นของตัวเองที่นั่งหน้างออยู่หน้าจานข้าวผัดกุนเชียง
“ไม่รู้เหมือนกัน แอ้ พี่งงไปหมดเลย วันก่อนประชุมบอกอย่างหนึ่ง พอมาวันนี้ก็บอกให้ปฏิบัติอีกอย่าง พี่ก็ทำไม่ถูกเหมือนกัน”
ครูสมรได้ทีก็พลอยผสมโรงเข้ามาทันที “เป็นครูมาหลายสิบปี เหนื่อยที่สุดก็ตั้งแต่สมัยปฏิรูปการศึกษานี่แหละ แล้วน้องลองดูนักเรียนโรงเรียนเราสิ มันพวกเหลือขอทั้งนั้น อย่าว่าแต่อ่าน คิด วิเคราะห์เลย ให้มันท่องและเขียนกอไก่ถึงฮอนกฮูกให้ได้ก่อนเหอะ ครูภาษาไทยนี่ล่ะตัวดีนัก”
ครูพชรที่กำลังซดน้ำซุปอย่างเอร็ดอร่อยละจากจานข้าวผัดรสโอชะทันที “ใครสอนเก่งนักก็ลองมาสอนสิ วิชาภาษาไทยน่ะ ก็อยากรู้เหมือนกันว่าไอ้ที่บอกว่ามีเทคนิคดีๆน่ะ ไม่เห็นเอาไปใช้กับเด็กตัวเองบ้างล่ะ พอขึ้นมาป.๖เห็นอ่านไม่ออกทั้งเพ”
ครูกิ่งแก้วที่นั่งข้างครูสมรรีบปรามครูพชรอย่างฉับพลัน “ไปพูดกับพี่เค้าอย่างนี้ได้ไง เค้าน่ะรุ่นแม่เธอแล้วนะ ไม่ดีเลย พชร”
“ใครดัดจริตฟังไม่ได้ก็ไม่ต้องฟังสิ พูดเรื่องจริงแล้วรับไม่ได้ ไอ้พวกชอบหลอกตัวเอง ยกหางตัวเอง น่ารำคาญ” ครูพชรลุกขึ้นก่อนจะเอาจานข้าวไปเก็บแล้วเดินออกจากที่นั่น
และวันนัดหมายส่งเอกสารหลักฐานต่างๆก็มาถึง ผู้ช่วยฯเครือวัลย์ ครูกรรณิการ์และครูสุชาวดีช่วยกันลงทะเบียนเอกสารที่กองท่วมหัวบนโต๊ะในห้องวิชาการอย่างขยันขันแข็ง ตลอดสัปดาห์ครูโรงเรียน “เฌอคู่วิทยา”ต้องรีบเร่งในการสร้างหลักฐานกันจ้าละหวั่น แล้วแต่เทคนิคของแต่ละบุคคล สงสารก็แต่ครูรุ่นสงครามโลกที่ต้องจ้างร้านพิมพ์งานหน้าโรงเรียนหรือไหว้วานลูกหลานให้ช่วยพิมพ์งานด้วยคอมพิวเตอร์ บางคนอดหลับอดนอนจนสอนผิดๆถูกๆไปเลยก็มี
แต่ที่น่าสงสารที่สุดคือ นักเรียนที่ต้องรับภาระงานต่างๆที่ครูต้องนำไปส่ง ผ.อ. เพราะการสอนที่เป็นไปอย่างเรื่อยเปื่อย และไม่ได้เก็บผลงานไว้อย่างเป็นระบบ ทำให้นักเรียนหลายห้องต้องทำโครงงานพร้อมกันถึง ๘ เล่มครบตามสาระวิชา มีการสอบประเมินสารพัดในแต่ละชั่วโมง การสร้างรูปภาพไว้เป็นหลักฐานจนร้านล้างอัดรูปแทบจะไม่มีเวลาว่าง เมื่อถึงชั่วโมงว่างของครูคนใดจากเดิมที่ครูผู้ชายจะไปรวมกลุ่มกันที่ศาลาเล็กใต้ลานโพ ครูผู้หญิงก็นั่งกินของกระจุกกระจิกกันในห้องพักครู กลายเป็นว่าทุกคนต่างมุ่งตรงไปพิมพ์งานกันที่ห้องคอมพิวเตอร์โรงเรียน พรินท์งานจนครูคอมพิวเตอร์ประจำห้องมองกันตาเขียว
“พี่ดาวครับ รบกวนช่วยเอากระดาษมาเองนะครับ อาทิตย์นี้ผมหมดกระดาษเอสี่ไปหลายรีมแล้ว” ครูวิรุณที่ประจำห้องคอมพิวเตอร์นักเรียนชั้น ป.๑-๒ พูดด้วยความเกรงใจ
“จ้ะ แล้วนี่พี่สั่งพรินท์แล้วทำไมไม่ติดล่ะ” ครูดางตระหนกเมื่อเห็นกระดาษเปล่าออกมาจากเครื่องพิมพ์
“สงสัยหมึกหมดแล้วพี่” ครูวิรุณพูดเสียงอ่อยๆ
“ดีนะที่เรามีโน้ตบุ๊คไม่ต้องไปแย่งกับคนอื่น” ครูพชรนั่งพิมพ์งานอย่างเร่งรีบที่โต๊ะตัวเอง
“ทำอะไรกัน เด็กๆก็เผื่อพี่หนึ่งชุดด้วยนะ” เสียงครูต้อมที่เดินผ่านห้องพักครูแว่วเข้ามา ดีที่แกไม่เห็นครูพชรนั่งเบ้ปากให้ ไม่เช่นนั้นคงคาบไปฟ้อง ผ.อ.จิ๋มอีก
“ทำไมจะต้องไปง้อไอ้พวก สมศ.มันด้วยนะ ทำไมล่ะ ถ้าประเมินไม่ผ่านแล้วมันจะสั่งปิดโรงเรียนเหรอไง” ครูจินดาบ่นพลางบันทึกแผนการสอนของตัวเองไปพลาง
“อุ๊ย...ไม่ได้หรอกค่ะ ก็ผ.อ.เราเค้าเก่งนี่คะ ได้รับรางวัลผู้บริหารดีเด่นจากหลายสถาบันแล้ว เกียรติยศมันค้ำคอค่ะ นั่งบนหลังช้างแล้ว ไม่ย่างลงหลังหมาหรอกค่ะ” ครูมัทนาพูดแกมหมั่นไส้กับผู้บริหารโรงเรียน
“นี่พี่คะได้ข่าวการเปลี่ยนแบบฟอร์มบันทึกหลังสอนแล้วก็ตารางอีกสารพัดไหมคะ” ครูแอ้วิ่งกระหืดกระหอบมาที่โต๊ะของครูรุ่นป้าทั้งคู่
“อะไรนะ” ครูมัทนาและครูจินดาถามพร้อมกัน
ครูแอ้ลากเก้าอี้มานั่งก่อนจะเล่าเรื่องราวให้ทั้งคู่ฟัง
“ก็ผ.อ.แกเกิดปิ๊งไอเดียอะไรขึ้นมาไม่รู้ บอกว่าหลักฐานต่างๆของโรงเรียนเราไม่เป็นไปตามมาตรฐานของ สมศ. ต้องมีการปรับตารางและเอกสารใหม่หมดทั้งแผนการสอน .................”ครูแอ้จาระไนเอกสารต่างๆที่ครูทั้งโรงเรียนเพิ่งจะรวบรวมเสร็จเรียบร้อยและส่งให้ฝ่ายวิชาการไปแล้ว
“บ้า บ้าที่สุด ฉันเป็นครูนะ เค้าให้มาสอนนักเรียนไม่ใช่ให้มาสร้างหลักฐานจอมปลอม ให้สวยหรูทั้งที่มีเด็กไร้คุณภาพอยู่เต็มโรงเรียนนะ เวทนาจริง การศึกษาไทย” ครูมัทนาวางปากกาที่กำลังบันทึกแผนการสอนและเอนหลังบนพนักพิงอย่างเบื่อหน่าย
“เอ้า..ทุกคนมารับแบบฟอร์มใหม่กันเร็ว” ครูปุ๊ หัวหน้าสายชั้น ป.๖ เอาแบบฟอร์มรูปแบบใหม่มาแจกให้ครูในสายชั้น
“แบบฟอร์มฉบับใหม่ล่าสุด ณ เวลานี้ใช่ไหมคะ พี่ปุ๊” ครูริสาถามแกมประชดประชัน
“สิ่งใดเจ้าว่างามต้องตามเจ้า มีใครเล่าจะไม่งามตามเสด็จนะพี่ริสา” ครูพชรยกกลอนในอิศรญาณภาษิตขึ้นมาพูดในขณะที่มือก็กำลังปรับปรุงเปลี่ยนแปลงแผนการสอนสำเร็จรูปที่มีขายในท้องตลาดให้เป็นรูปแบบของตนเองอยู่
“แล้วผู้ช่วยฯเครือวัลย์ไม่พูดอะไรบ้างเหรอ” ครูแต้วถาม
“จะพูดอะไรได้ล่ะ ถูกผ.อ.ยึดอำนาจฝ่ายวิชาการไปเรียบร้อยแล้ว อยู่ที่นี่มาหลายปีไม่รู้อีกเหรอว่า คนที่ชี้เป็นชี้ตายในโรงเรียนน่ะก็มีแต่แม่ซูสีไทเฮาที่คอยบัญชาการอยู่ในห้องเย็นนั่นน่ะแหละ” ครูริสาบุ้ยปากไปทางอาคารเรียนหนึ่งซึ่งเป็นตึกอำนวยการของโรงเรียน
เช้าวันต่อมา เสียงเพลงมาร์ชโรงเรียนดังเป็นรอบที่สอง ครูพชรเดินมาเซ็นชื่อลงเวลาปฏิบัติราชการและเหลือบไปเห็นกองเอกสารสองสามกองตั้งอยู่ มีป้ายบอกว่า “เชิญรับคนละ ๑ ชุด” ติดไว้
“อะไรอีกล่ะ พี่กุ๊ก” ครูพชรถามเหมือนจะมีลางสังหรณ์แปลกๆอีก
“แบบฟอร์มฉบับใหม่ล่าสุดของวันนี้จ้ะ น้องพชร” ครูกุ๊กส่งยิ้มให้พร้อมทั้งหยิบเอกสารแต่ละชุดให้ครูหนุ่ม
“แล้วที่พี่ปุ๊เอาไปแจกให้ที่สายชั้นแล้วบอกว่าจะรวบรวมส่งวันนี้ล่ะครับ” พชรทำท่าล้วงลงไปในแฟ้มเอกสารของตัวเอง
“แบบฟอร์มนั้นยกเลิกไปแล้วล่ะจ้ะ อันนี้ ผ.อ.เพิ่งโทร.ให้พี่ออกแบบตารางเมื่อคืนและรีบมาก๊อปปี้พรินท์แจกครูภายในเช้าวันนี้จ้ะ อ้อ...ส่งภายในวันนี้ก่อนสี่โมงเย็นด้วยนะจ๊ะ”
ครูพชรเดินหัวเสียไปยังห้องพักครูสายชั้น ป.๖ ในมือที่ถือแบบฟอร์มที่รับแจกจากพี่ปุ๊เมื่อวานนั้นเขาก็จับฉีกแล้วขยำขยี้อย่างหนำใจก่อนที่จะโยนลงในถังขยะ
( ชื่อตัวละครและเรื่องราวนี้เป็นแต่เรื่องสมมติขึ้นมาทั้งสิ้น ไม่ได้มีเจตนาพาดพิงถึงผู้ใด หากได้ล่วงเกินแก่ใครก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ )
( โปรดติดตามตอนต่อไป )
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น